สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (3-7 ส.ค. 2563) สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาทกลับมาอ่อนค่าช่วงท้ายสัปดาห์ หลังจากที่เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ สอดคล้องกับภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย ประกอบกับเงินบาทน่าจะได้รับอานิสงส์บางส่วนเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำด้วยเช่นกัน โดยเงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 31.00 แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 30.98 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะลดช่วงบวกลงบางส่วนตามการปรับโพสิชัน หลังจากที่ธปท. เปิดเผยว่า เงินบาทมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่งธปท. จะติดตามการเคลื่อนไหวของเงินบาทอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ แรงขายเงินดอลลาร์ ยังชะลอลงช่วงท้ายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดรอติดตามข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. ในวันศุกร์ (7 ส.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.14 เทียบกับระดับ 31.18 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (31 ก.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (10-14 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.90-31.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญ ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ และจีน และการเจรจาระดับสูงของผู้แทนการค้าของทั้งสองประเทศในเรื่องผลความคืบหน้าตามข้อตกลงเฟสแรก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เดือนส.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนก.ค. ด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย หุ้นไทยร่วงลงช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,324.40 จุด ลดลง 0.31% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 53,927.45 ล้านบาท ลดลง 12.32% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 2.68% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 301.40 จุด หุ้นไทยปรับตัวลงช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงฉุดหลักจากหุ้นกลุ่มการเงิน หลังเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้ ก่อนจะดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาขานรับข้อมูล PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค. ที่ปรับตัวดีขึ้นในหลายประเทศและความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ร่วงลงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน หลังสหรัฐ สั่งแบนแอพพลิเคชันสัญชาติจีน

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (10-14 ส.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,315 และ 1,300 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,335 และ 1,350 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน สัญญาณมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังปรับครม. การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของบริษัทจดทะเบียนฯ รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 2/63 และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ของยูโรโซน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ค. ของจีน


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน