วันที่ 16 พ.ค. ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ กรรมการบริหารเจษฎาเทคนิคมิวเซียม เปิดเผยว่า เจษฎาเทคนิคมิวเซียมและโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนครปฐม เล็งเห็นความสำคัญในการจัดการศึกษาเพื่อการเน้นทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ จึงไทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) ในการจัดส่งนักเรียนเข้ารับการฝึกงานกับเจษฎาเทคนิคมิวเซียมในช่วงปิดภาคการศึกษา

โดยการทำ MOU เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับสถานศึกษา นักเรียน รวมถึงผู้ปกครองของเด็กนักเรียน ทำให้นักเรียนได้รับความรู้ ได้ฝึกทักษะเตรียมตัวสู่ชีวิตการทำงาน เป็นการเปิดโอกาสในการสร้างรายได้ระหว่างเรียน และอาจเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าจะมีงานทำในอนาคต ความร่วมมือกันระหว่างสถานประกอบการและโรงเรียน จึงมีหน้าที่สร้างความเข้าใจให้กับหน่วยงานภายนอก อธิบายและชี้แจงเหตุผลในการรับเด็กผู้มีความบกพร่องเหล่านี้เข้าฝึกประสบการณ์ ฝึกทักษะชีวิต และเตรียมพร้อมเข้าสู่การทำงานจริง

ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ ร่วมกับ นางสาวสุขใจ ไชยมาตย์ ผอ.โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนครปฐม ได้รมอบใบประกาศนียบัตรและหนังสือรับรองการฝึกงานให้กับนักเรียนที่มาฝึกงานกับเจษฎาเทคนิคมิวเซียม โดยมี ดช.สรวิชญ์ ดอกมะลิป่า (น้องแฝด) เป็นคนแรก ในเฟสแรก ที่ครบกำหนดระยะเวลาฝึกงาน 2 เดือน และยังมีน้องๆ นักเรียนอีก 4 คน คือ 1. นายธีรวุฒิ สุดใจ (น้องเต๋า) 2. นายนัฐวุฒิ เทียมอุบล (น้องฟลุ๊ค) 3.น.ส.อาทิตยา ทิมศรี (น้องฟ้าใส) และ 4.น.ส.ปวันรัตน์ จันยวงแก้ว (น้องเนเน่) ยังอยู่ฝึกงานต่อกับเจษฎาเทคนิคมิวเซียมเนื่องจากยังไม่ครบกำหนดการฝึกงาน

“การมอบใบประกาศนียบัตรและหนังสือรับรองการฝึกงานให้กับน้องนักเรียนฝึกงานในวันนี้ เป็นกิจกรรมเล็กๆ ที่ผมตั้งใจทำ เพราะอยากให้น้องนักเรียน รู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง ถึงแม้น้องแฝด จะจบการฝึกงานไปแล้ว แต่เจษฎาเทคนิคมิวเซียม ก็ยังจะคงติดตามการเติบโตของน้องต่อไป” ดร.ภาคภูมิ กล่าว

ผอ.สุขใจ กล่าวว่า โรงเรียนโสตศึกษาเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษา ในปีการศึกษา 2566 โรงเรียนได้จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลปีที่ 2 – ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยแบ่งเป็นนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน, นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา และบุคคลออทิสติก

“ในปัจจุบันโรงเรียนเรามีจำนวนนักเรียนที่บกพร่องทางการได้ยินลดลง แต่มีจำนวนเด็กนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญาและออทิสติกเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากในอดีตยังไม่มีการสำรวจจำนวนเด็กกลุ่มนี้อย่างจริงจัง แต่ในปัจจุบันมีหน่วยงานคือสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษที่มีนโยบายในการค้นหาเด็กที่มีความบกพร่องเข้ามาเรียนในระบบให้มากขึ้น เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพสู่สากล โดยมีศูนย์การศึกษาพิเศษ รองรับเด็กกลุ่มนี้อยู่ทั่วประเทศ

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่วางแผนจะมีลูก ควรรู้จักการวางแผนครอบครัวหาความรู้เพื่อป้องกันความบกพร่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่กำเนิด ถึงแม้ความบกพร่องเหล่านี้ไม่อาจป้องกันได้ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการแพทย์ สามารถทำการตรวจคัดกรองเพื่อช่วยรู้ถึงความผิดปกติได้เร็วขึ้น ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและลดความรุนแรงของความพิการได้ และยังเป็นผลดีต่อการฟื้นฟูสภาพความบกพร่องนั้นได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้คุณแม่ต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ลูกพิการได้คือ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การใช้สารเสพติด และโรคติดต่อ คือ โรคซิฟิลิส และโรคหัดเยอรมัน เป็นต้น”

ในวันนี้คณะครูโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนครปฐมได้มานิเทศและมาเยี่ยมให้กำลังใจเด็กนักเรียนฝึกงานที่เจษฎาเทคนิคมิวเซียม (แห่งเก่า) ทำให้ได้เห็นกิจกรรมล่าสุดที่น้องทั้ง 5 คน ได้มีส่วนร่วมในการขนย้ายรถโบราณล็อตที่ 3 จำนวน 70 คัน ไปยังมิวเซียมแห่งใหม่ ถือเป็นภารกิจที่สำคัญอีกหนึ่งภารกิจที่น้องๆ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปิดมิวเซียมแห่งใหม่ ถึงแม้ว่าจะเป็นการช่วยงานเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ดิฉันสัมผัสได้ว่าเด็กๆ มีความสุขมากที่ได้ร่วมในกิจกรรมนี้ และในโอกาสนี้โรงเรียนของเราได้นำผลผลิตทางการเกษตรปลอดสารเคมี ได้แก่ ฟักเขียว กล้วยน้ำว้า และผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปแล้ว ได้แก่ กล้วยตากอบน้ำผึ้ง มามอบให้กับ ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ เพื่อแทนคำขอบคุณ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมของโรงเรียนที่เรียกว่า อารยเกษตร คือการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ มาประยุกต์ใช้คือให้บุคลากรและนักเรียนได้ลงมือทำอย่างต่อเนื่องและสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพได้ต่อไป

“เด็กนักเรียนของเราชื่นชม ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ ท่านผู้บริหารเจษฎาเทคนิคมิวเซียมและพี่ๆ ทีมงานทุกคน ว่าใจดี น่ารัก และเป็นกันเองกับน้องๆ มาก สร้างความประทับใจให้กับเด็กๆ เป็นที่สุด น้องๆนักเรียนไม่เคยสัมผัสความรู้สึกนี้จากที่ไหนมาก่อน”

ดิฉันขอขอบคุณ ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ ที่ให้โอกาสกับนักเรียนโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดนครปฐม ถือว่าเป็นโอกาสแรกที่โรงเรียนเราได้รับ เด็กนักเรียนมาฝึกงานแบบเต็มเวลา เด็กๆ มีความสุขมากและมีความภาคภูมิใจ นอกจากนี้ยังส่งผลไปถึงการสร้างความสุขให้กับครอบครัวของเด็กๆ อีกด้วย นอกจากการฝึกงานที่จะได้รับความรู้ ได้รับประสบการณ์แล้ว ยังได้รับค่าตอบแทนจากการฝึกงาน ซึ่งเงินตรงนี้เด็กนักเรียนสามารถนำไปใช้เป็นทุนสำหรับการศึกษาต่อได้อีกทางหนึ่ง

“ดิฉันอยากให้ทุกคนให้โอกาสเด็ก เหมือนที่ท่านผู้บริหารเจษฎาเทคนิคมิวเซียมหยิบยื่นโอกาสให้เด็ก เราไม่อยากให้สงสารเด็ก อยากให้เปลี่ยนจากคำว่าสงสารมาเป็นคำว่าให้โอกาส คำว่าสงสารทำให้เด็กไม่เกิดการพัฒนาตนเอง การให้โอกาสในการทำงาน ได้เรียนรู้ ได้ฝึกทักษะและประสบการณ์ชีวิต สิ่งนี้ต่างหากที่จะหล่อหลอมให้เด็กกลายเป็นบุคลากรที่มีศักยภาพและมีคุณค่า นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กผู้มีความบกพร่อง” ผอ.สุขใจ กล่าวปิดท้าย

อาจารย์สุนิสา แสงอนันต์ (ครูนุช) หัวหน้างานกิจการนักเรียน ได้กล่าวว่า สิ่งที่ท้าทายกับการเรียนการสอนของเด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน คือการเปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง คนส่วนใหญ่มองว่าคนผู้มีความบกพร่องคือภาระ เราจะเปลี่ยนความความคิดของคนเหล่านั้นได้อย่างไร และทำให้ทุกคนเชื่อว่าเด็กทุกคนสามารถพัฒนาได้ แบบที่เจษฎาเทคนิคมิวเซียมทำ

อาจารย์ชัชภาค วงษ์ซื่อ (ครูปิ๊ก) หัวหน้ากลุ่มสาระการงานอาชีพ กล่าวเพิ่มเติมว่า “มีเด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน น้อยคนนักที่จะได้รับโอกาสในการฝึกประสบการณ์แบบน้องเรียนกลุ่มนี้ ขอขอบคุณ ดร. ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ ที่ให้โอกาสกับเด็กทำให้พวกเขามีความภูมิใจในตัวเอง มีความมั่นใจและรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า การฝึกงานทำให้รู้จักความใส่ใจดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รุ่นพี่คอยแนะนำตักเตือนรุ่นน้อง รู้จักวางแผนการใช้เงิน น้องๆ เรียนรู้อีกว่าการที่ไม่ตั้งใจปฏิบัติงานอาจได้รับกระทบกับการทำงานในอนาคต พวกนักเรียนกำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงานและต้องการการยอมรับจากสังคม”

อาจารย์วรรณเพ็ญ พันธ์ฟัก (ครูอุ้ย) ครูที่ปรึกษานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กล่าวขอบคุณ ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ กรรมการบริหารเจษฎาเทคนิคมิวเซียม, นางวาสนา พึ่งคล้าย, น.ส.สุชาดา ล้วนรอด, น.ส.สุทิสา จั่นจินดา, น.ส.อุษา เมฆี และ น.ส.อชิรญาณ์ จันทร์ศรี เจ้าหน้าที่อาวุโสเจษฎาเทคนิคมิวเซียม ด้วยเช่นกัน ที่ได้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มาฝึกงานในช่วงปิดภาคเรียน เด็กๆ มีเรื่องเล่าให้ฟังทุกวันว่าในแต่ละวันได้ทำงานอะไรบ้าง มีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง ครูสังเกตว่าน้องๆ มีความสุขกับได้ถ่ายทอดเรื่องราวให้ครูและเพื่อนๆ ได้รับฟัง การฝึกงานนอกจากจะได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายแล้ว ยังเป็นการฝึกให้มีความรับผิดชอบ อยู่ในกฎระเบียบข้อบังคับการทำงานของบริษัท สิ่งเหล่านี้เด็กนักเรียนสามารถนำไปใช้กับการทำงานในอนาคตได้อย่างแน่นอน

สำหรับท่านที่มีความประสงค์จะรับเด็กเข้าทำงาน เพื่อส่งเสริมการจ้างงานผู้มีความบกพร่อง ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ทัดเทียมคนทั่วไป หรือมีความประสงค์จะบริจาคสิ่งของให้กับโรงเรียนโสตศึกษา สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 034-332309
เว็บไซต์ของโรงเรียนhttps://ssnp.thai.ac/home/info/5/
เพจเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/ssnpschool19/?locale=th_TH


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน