มานะชูใจ โฮมคาเฟ่ย่านลาดพร้าว สำหรับสายชิลล์ที่หลงรักความธรรมดา รีโนเวทสำนักงานเก่าให้เป็นคาเฟ่ไว้ฮีลใจคลายเหนื่อย เซอร์วิสความน่ารักผ่านน้องแมวชื่อ เปาโล

บนพื้นที่กว่า 100 ตารางวาอบอวลไปด้วยความรู้สึกสบายๆ และความสงบ มีเจ้าเหมียวสีเทาขนปุย ชื่อ เปาโล รอต้อนรับลูกค้าอย่างรู้งาน เรามาครั้งแรกก็รู้สึกตกหลุมรักที่นี่เลย ด้วยการตกแต่งที่เน้นงานไม้ เฟอร์นิเจอร์ที่ดูคลาสสิก บวกกับสีเขียวของต้นไม้รำไรที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

คุณผึ้ง – สุภาภรณ์ สมนวล ดีไซเนอร์สาวนั่งรอเราอยู่ที่บาร์กาแฟ เธอเปิดใจว่าบ้านหลังนี้ถูกรีโนเวทขึ้นมาจากสำนักงานเก่าในช่วงโควิด สร้างมาเพื่อเป็นสตูดิโอสำหรับแสดงงานคราฟต์ และมุมกาแฟเล็กๆ ที่พร้อมเสิร์ฟความอบอุ่นให้กับแขกที่มา

“ที่นี่เกิดขึ้นตอนช่วงโควิดค่ะ ปกติผึ้งจะมีงานประจำเป็นดีไซเนอร์สายงานอีเวนท์ แต่พอมีโควิดก็เลยไม่มีงาน เราก็เลยมองหางานที่สองที่เราสามารถทำได้นอกเหนือจากเวลางาน

เริ่มจากงานอดิเรกที่เราทำอยู่แล้ว เช่น แต่งบ้าน ไปช็อปปิ้งของ ดูเฟอร์นิเจอร์ บวกกับส่วนตัวเรากินกาแฟอยู่แล้ว ตื่นเช้ามาก็ต้องกินกาแฟ ทุกอย่างที่นี่เลยออกมาเป็นตัวเรามากที่สุด

กระทั่งของที่จัดวางไว้ในร้าน หลักๆ เป็นของที่เลือกมาแล้ว เป็นทั้งของเก่า ของใหม่ ของญี่ปุ่น ยุโรป หรือถ้าเป็นงานคราฟต์ก็จะเป็นเซรามิกที่เป็นพาร์ทเนอร์ เขาก็ใช้ที่นี่เป็นโชว์รูมสำหรับวางสินค้าของเขา”

ระหว่างที่คุยไปนั้น เราก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปที่เจ้าแมวเปาโลเข้าซะได้ เธอเล่าว่าเดิมทีเปาโลเป็นแมวจรที่ชอบแวะมานั่งเล่น นอนเล่นในร้านเป็นประจำ มีความสามารถในการทำให้คนตกหลุมรัก จนลูกค้าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามาที่นี่เพราะอยากมาเล่นเปาโลมากกว่ามาซื้อกาแฟซะอีก

“เปาโลเป็นแมวแถวนี้ค่ะ เขาจะชอบมานอนเล่นที่ร้านทุกวัน เหมือนเขาชอบที่เจอคนเยอะๆ ส่วนลูกค้าเองก็ชอบเล่นกับเปาโล ใครมาถึงร้านก็จะมาถามว่าเปาโลอยู่ไหม (หัวเราะ) ตอนนี้กลายเป็นแมวที่ร้านไปแล้วค่ะ เป็น CEO ร้านมานะชูใจ”

พอถามถึงชื่อร้าน มานะชูใจ หลายคนคงคิดว่าเป็นชื่อตัวละครในหนังสือเรียนสมัยเด็ก ทว่า คุณผึ้งเล่าให้เราฟังถึงความหมายที่แท้จริงของชื่อคาเฟ่แห่งนี้ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวละครในหนังสือเลย

“ชื่อร้านคือ มานะชูใจ ค่ะ มานะคือความพยายามค่ะ ชูใจคือมันฮีลใจ ถ้าได้ทำอะไรที่เราชอบ เรารัก มันไปคล้องกับตัวละครด้วยค่ะ หลายคนก็คิดว่าเป็นมานะ ชูใจ ปิติ แต่จริงๆ มันเป็นคติที่เราเอาไว้ใช้ในวันที่เหนื่อย เราก็ต้องพยายาม มานะต่อไป

ส่วนเมนูที่นี่มีทั้งเครื่องดื่ม Non Coffee และ Coffee เลยค่ะ ถ้าเป็นซิกเนเจอร์ก็จะน้ำส้มคั่นใส่ช็อตกาแฟก็จะเป็น Black Orange ค่ะ อีกตัวก็จะเป็นน้ำมะพร้าวสดใส่ช็อตกาแฟ ซึ่งที่นี่พยายามเลือกวัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติ อย่างน้ำส้มคั่นก็น้ำส้มคั่นสด น้ำมะพร้าวก็จากสวนที่บ้านก็จะออแกนิก

หากถามว่าพาร์ทไหนที่เราชอบที่สุดระหว่างการเป็นดีไซเนอร์ กับทำร้านกาแฟ ผึ้งว่าการชงกาแฟเป็นการบาลานซ์ตัวเอง บางทีเราอยู่หน้าคอมตลอดเวลา มันก็เป็นความเครียดอย่างหนึ่ง การลุกขึ้นมาทำกาแฟมันเป็นการผ่อนคลายของเรา ก็ลดความเครียดได้”

อย่างที่เห็นว่าปัจจุบันนี้ คาเฟ่สไตล์โฮมมี่มีเยอะมากมายจริงๆ เราเลยแอบถามคุณผึ้งสักหน่อยว่ารู้สึกหวั่นใจบ้างไหมในแง่ของการทำธุรกิจว่ามีคู่แข่งเกิดขึ้นมากมาย เธอให้คำตอบที่ค่อนข้างเบาใจว่าแต่ละร้านย่อมมีสไตล์เป็นของตัวเอง

“จริงๆ ทุกที่ก็น่าจะมีคาเรคเตอร์เป็นของตัวเอง แต่ละที่น่าจะมีข้อดีที่เขามีอยู่แล้ว เป็นจุดขายของตัวเอง เราก็พยายามรักษาคาเรคเตอร์หรือพัฒนาของเราไว้มากกว่า อยากให้มูดของเราโดยรวมออกมาประมาณนี้ ไม่ได้หลุดจากกรอบ

สำหรับมานะชูใจในตอนนี้ ผึ้งถือว่าเราก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งนะคะ อย่างน้อยมันก็เป็นที่รู้จักของหลายๆ คน แต่สิ่งที่เราโอเคที่สุด น่าจะเป็นเรื่องของแรงบันดาลใจในการแต่งบ้านให้ลูกค้าที่มามากกว่า”

หากถามถึงคำจำกัดความของ มานะชูใจ ว่าสำหรับคุณผึ้งแล้วที่นี่มีความหมายต่อตัวเธอเองยังไง เธอหยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยคำว่า ความธรรมดา ออกมา

“คนที่มาน่าจะชอบในความธรรมดา เพราะที่นี่ไม่ได้หวือหวา หรูหราอะไรมาก เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ไม่แต่งหน้าก็มาได้ เหมือนมาบ้านเพื่อนค่ะ ฉันอยากแค่กินกาแฟ บางทีฉันไม่อยากถ่ายรูปตัวเองด้วยซ้ำ ในวันที่ต้องการความธรรมดาจริงๆ ที่นี่อาจเป็นตัวเลือกให้เขาได้”

สถานที่ : Mana.Chujai ลาดพร้าววังหิน 3
เปิด : ทุกวัน 09.00-17.00 น.
ที่จอดรถ : มีที่จอดรถหน้าร้าน
ติดตามเพจรีวิวคาเฟ่ : Cafe made my Day

เข้าร่วม : ข่าวสด Broadcast Channel

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน