ตร.แจงไม่เป่าเมาคนขับปิกอัพมักง่าย ปีนเกาะกลางชนจยย.นักเรียน ชาวบ้านงง เจ็บตรงไหน ถึงไป รพ.

วันที่ 14 ส.ค.67 จากกรณีที่ปรากฏคลิปรถกระบะคันหนึ่ง ปีนเกาะกลางถนนเพื่อข้ามไปยังอีกฝั่ง ทำให้รถจยย.ที่ขี่มาทางหลักพุ่งชนจนคนขี่รถจยย.บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขึ้นบนถนนกัลปพฤกษ์ขาออก บริเวณด้านหน้าปั๊ม ปตท.กัลปพฤกษ์ แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม. อ่านข่าว ปิกอัพมักง่าย กลับรถกลางถนน ปีนขึ้นเกาะกลาง จยย.เบรกไม่ทัน พุ่งชนสาหัส

ล่าสุด น.ส.ภัณฑิลา ชูธรรม อายุ 28 ปี และ นายวิวรรธน์วงค์ สลุงใหญ่ อายุ 26 ปี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุเมื่อคืนนี้เห็นรถกระบะคันดังกล่าวมีลักษณะท่าทางการขับที่ผิดปกติ โดยพยายามขับปีนเกาะกลางบริเวณทางออกปั๊ม แล้วพุ่งตรงไปยังเกาะกลางถนนกัลปพฤกษ์ ส่งผลทำให้ไฟเกาะกลางถนนดับเกือบทั้งเส้น แล้วรถกระบะก็ขับพุ่งไปยังฝั่งถนนกัลปพฤกษ์ขาเข้าเมือง

ปรากฏว่าเมื่อข้ามไปก็มีรถจยย.ที่ขี่มาในทางปกติ พุ่งชนรถกระบะคันดังกล่าว พวกตนทั้ง 2 คนจึงรีบตามไปช่วยคนเจ็บทันที โดยสภาพที่เห็นคือ คนเจ็บสวมหมวกกันน็อก มีบาดแผลเต็มตัว อยู่ในสภาพเบลอ ถามอะไรก็จำไม่ได้ ทั้งชื่อหรือเบอร์โทรญาติ ทำให้พวกตนต้องรีบปฐมพยาบาล ก่อนแจ้งกู้ภัยมาช่วยเหลือ

ส่วนคนขับรถกระบะ ปรากฏว่ายังพยายามขับรถวนไปวนมาเข้าไปในซอยศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า ซึ่งอยู่ข้างจุดเกิดเหตุ พวกตนและชาวบ้านจึงพยายามวิ่งไป จนสามารถสกัดรถคันดังกล่าวได้ แล้วพยายามเคาะกระจกเรียกให้คนขับรถลงมาพูดคุย แต่ปรากฏว่าคนขับไม่ยอมลงมา จนตนต้องตะโกนต่อว่าไปหลายครั้ง แล้วรีบวิ่งไปช่วยดูคนเจ็บต่อ

สุดท้ายผู้ก่อเหตุก็ลงมาจากรถ แต่ไม่ยอมลงมาช่วยดูผู้บาดเจ็บ ทำทีพูดคุยโทรศัพท์ เท่าที่ได้ยินเหมือนพูดคุยกับแม่ และดูท่าทางเหมือนเบลอๆ ไม่ได้สติ ตนจึงต่อว่าเพื่อเรียกให้คนขับมาช่วยดูคนเจ็บ

ซึ่งตนได้ยินชาวบ้านในที่เกิดเหตุเล่าให้ฟังว่า เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ คนขับรถก็เหมือนได้กลิ่นคล้ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ตนไม่ได้เข้าไปใกล้ เพราะตอนนั้นอยู่ในอารมณ์โกรธและโมโหมาก เลยไม่อยากที่จะเข้าไปใกล้หรือพูดคุยกับคนขับ นอกจากด่าอย่างเดียว ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะพาคนเจ็บและคนขับรถคันก่อเหตุไปส่งโรงพยาบาล

สำหรับอาการของผู้บาดเจ็บนั้น ตนได้รับมอบหมายจากญาติให้มาชี้แจงผ่านสื่อมวลชนแทนว่า ตอนนี้ผู้บาดเจ็บปลอดภัยแล้ว มีบาดแผลที่คาง จากการเอกซเรย์สมองพบว่าไม่ได้รับการกระทบกระเทือนแต่อย่างใด ยังสามารถพูดคุยโต้ตอบได้ เท่าที่ทราบเหมือนเมื่อคืนนี้ผู้บาดเจ็บจะเดินทางกลับบ้านหลังจากเรียนเสร็จ ก่อนจะมาประสบเหตุดังกล่าว โดยขณะนี้ได้ย้ายผู้บาดเจ็บจากโรงพยาบาลบางปะกอก 8 ไปรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีแล้ว

ตนยังข้องใจว่า ทำไมหลังเกิดเหตุ ร้อยเวรจึงไม่นำตัวคนขับรถคันก่อเหตุไปตรวจปริมาณแอลกอฮอล์หรือติดตามไปที่โรงพยาบาล เพื่อกำชับเรื่องการตรวจหาสารเสพติดหรือปริมาณแอลกอฮอล์ อีกทั้งไม่เข้าใจว่าตัวคนขับบาดเจ็บตรงไหน เพราะเห็นยังลงมาโทรศัพท์พูดคุยกับญาติได้ตามปกติ โดยที่ไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด ซึ่งตนมีคลิปยืนยันขณะที่คนขับกำลังพูดคุยโทรศัพท์อยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนขับรถคันก่อเหตุได้ดอดเข้าพบพนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากต้องการที่จะหลบเลี่ยงการพบปะกับสื่อมวลชน โดย พ.ต.ท.สนธิชัย กลับบัว รอง ผกก.(สอบสวน) สน.บางขุนเทียน กล่าวถึงความคืบหน้าคดีว่า เบื้องต้นคนขับรถคันก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าขับรถโดยประมาทจริง

แต่อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการส่งตัวคนขับให้แพทย์ตรวจเลือด เพื่อหาสารเสพติดและปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายก่อน เพราะพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ในส่วนของผลตรวจแพทย์เพื่อชี้ชัดว่า คนขับรถคันก่อเหตุนั้นมีปริมาณแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดในร่างกายหรือไม่ แล้วจึงจะดำเนินการแจ้งข้อหาทั้งหมด

เบื้องต้นได้เตรียมข้อหาไว้แล้ว 2 ข้อหาคือ ข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหายกับผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ถ้าหากผลออกมาว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดในร่างกาย ก็จะเพิ่มข้อหาเมาแล้วขับ แล้วเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาทีเดียว พร้อมกันนี้ก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานจากใบรับรองแพทย์และผลการสอบปากคำผู้บาดเจ็บด้วย

สำหรับประเด็นที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า หากตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดหลังผ่านเหตุการณ์มาแล้วหลายชั่วโมง ผลอาจจะลดลงหรือไม่ พ.ต.ท.สนธิชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ตำรวจก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ว่าจะลดลงเท่าไหร่ เพราะเป็นไปตามปกติที่หลังเกิดเหตุปริมาณแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดในร่างกายต้องลดลงอยู่แล้ว จึงต้องรอผลตรวจจากโรงพยาบาลอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะดำเนินการเร่งรัดกับโรงพยาบาลเพื่อให้ได้ผลตรวจโดยเร็วที่สุด

ส่วนกรณีที่หลังเกิดเหตุตัวผู้ก่อเหตุถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏคลิปจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า ตัวผู้ก่อเหตุนั้นไม่ได้มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด และยังสามารถพูดคุยโทรศัพท์ได้ตามปกติ พ.ต.ท.สนธิชัย กล่าวว่า เนื่องจากคนขับรถผู้ก่อเหตุอ้างว่าตัวเองบาดเจ็บ พนักงานสอบสวนจึงจำเป็นต้องส่งตัวคนขับไปให้แพทย์ตรวจ ซึ่งตัวคนขับจะบาดเจ็บอย่างไรนั้น ตำรวจไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้

ด้าน พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก.สน.บางขุนเทียน เปิดเผยว่า จากพฤติการณ์ที่ปรากฏสามารถตั้งข้อหาได้อย่างชัดเจนแล้ว 2 ข้อหา คือ ข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหายกับผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ

ส่วนเรื่องแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดในร่างกายนั้น เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ได้รับรายงานจากร้อยเวรว่า ตัวผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บ จึงถูกนำส่งโรงพยาบาล เลยได้สั่งการให้ส่งหนังสือให้แพทย์ตรวจปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายแล้ว ซึ่งหากว่าผลออกมาอย่างชัดเจนว่าพบสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ในร่างกาย ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

ขณะที่ฝั่งผู้บาดเจ็บหรือชาวบ้านติดใจว่า ทำไมตำรวจถึงไม่ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในที่เกิดเหตุ พ.ต.อ.กฤติเดช กล่าวว่า เป็นเพราะตัวผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บ จึงต้องนำส่งโรงพยาบาล แต่ขอยืนยันว่า ได้ประสานให้แพทย์ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายแล้ว อยู่ในระหว่างการรอผล

ทั้งนี้ หลังจากตัวผู้ก่อเหตุพักรักษาตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้ประสานงานให้มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำ หากในวันนี้ตัวผู้ก่อเหตุไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ก็จะออกหมายเรียกและออกหมายจับต่อไป ส่วนฝั่งผู้บาดเจ็บนั้น ต้องรอให้พักรักษาตัวให้หายดีก่อนถึงจะดำเนินการสอบปากคำได้ เรื่องความเสียหาย ต้องรอประสานกับแขวงการทางในพื้นที่เพื่อมาประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเกาะกลางถนนและระบบไฟส่องทาง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน