ท่าทีล่าสุดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่ออนาคตทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความแปรเปลี่ยน
แม้จะเพียง”เล็กน้อย”แต่ก็สำคัญ
“ผมไม่เคยพูดว่า สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป พูดเพียงว่า เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศให้ สมบูรณ์”
และประโยคแหลมคมอย่างยิ่งย่อมเป็น
“เร็วเกินไปที่จะบอกว่าจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับ มาทำการปฏิรูปประเทศต่อหรือไม่”
ทั้งหมดนี้เท่ากับเป็นการ”ลด”ระดับ
จากระดับที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อไปคงเหลือเพียง 1 เทอม 1 วาระ

มีความจำเป็นต้องย้อนกลับไปนำเอา “ถ้อยคำ” อันเคยออกมาจากปาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาพิจารณาอีกครั้ง
อาจต้องใช้”เวลา” บ้างเล็กน้อย
ไม่ว่าคำที่ว่า “รัฐบาลของพวกเรา” หลังรัฐประหารไม่นานนัก ไม่ว่าความเชื่อมั่นที่มีต่อการปฏิรูปการเมืองอันมาจาก พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา
และรวมถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อรองรับกับการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคสช.
ในห้วงก่อนเดือนพฤษภาคม 2561
หากนำเอาถ้อยคำล่าสุดจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาพิ จารณาอีกคำรบหนึ่งก็แทบไม่แตกต่างไปจากที่มาจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือที่มาจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล
นั่นก็คือ ต้องทบทวนกันอีกครั้งหลัง “เลือกตั้ง”

การพูดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ การพูดของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล อาจมิได้เป็นเรื่องแปลก เพราะพรรคการเมืองต้องกำหนด”ท่าที”รัดกุมเช่นนั้น
แต่การพูดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ทรงความหมายและชวนให้คิดมากกว่าปรกติ เพราะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ดำรงอยู่ในสถานะ “กองเชียร์” มาอย่างต่อเนื่อง
แล้วเหตุใดจึงเพิ่งมาแปรเปลี่ยนและลดระดับการเชียร์ลงในเดือนพฤษภาคม 2561
นี่ย่อมเป็นสัญญาณ”ใหม่”ในทางการเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน