กกต.เละ สนช.เลอะ

ใบตองแห้ง

กกต.คัดเลือก 616 ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ถูกวิจารณ์เละว่าตั้งอดีตพนักงานและคนใกล้ชิด สนช.ไม่พอใจ ครูหยุยตำหนิว่าทำน่าเกลียด โดยมารยาทควรรอ กกต.ชุดใหม่

งั้นทำไง สนช.ก็คิดจะใช้อำนาจนิติบัญญัติ แก้กฎหมาย กกต. กำหนดวิธีสรรหาใหม่ ล้างไพ่ โละ 616 คนไปเลย

แหม่ สำคัญตัวเองผิด คิดว่าเป็น คสช.หรือไง จึงจะออกคำสั่งเป็นกฎหมาย แก้กฎหมายได้ตามอำเภอใจ แบบแก้พ.ร.ป. พรรคการเมืองก็ยังได้ หรือ ครม.ออก พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวไปแล้ว พอ SME โวยว่าจะวอดวาย ก็ใช้ ม.44 ยับยั้งไว้

กรธ.เขียนกฎหมายให้เลิก กกต.จังหวัด แล้วมีผู้ตรวจการเลือกตั้งมาแทน วาดหวังจะได้คนดีไม่มีคอนเน็กชั่น แบบ ร.ต.อ.ปลอมตัวมาจับผู้ร้าย โดยให้ตั้งผู้ตรวจการไว้จังหวัดละ 8 คน เมื่อไหร่มีเลือกตั้ง ก็จับสลากให้อยู่จังหวัดตัวเอง 2 คน ที่เหลือจับสลากไขว้ เหาะข้ามไปข้ามมา เช่นผู้ตรวจเชียงราย อาจได้ไปสอดส่องสตูล อย่างนี้เป็นต้น

ก็ฟังเหมือนมีเหตุผล ดีกว่า กกต.จังหวัดแต่เดิมมา ที่บอกว่าอิสระ เป็นกลาง สุดท้ายส่วนใหญ่ก็เป็นข้าราชการ มหาดไทย ตำรวจ เพราะ กกต.ต้องพึ่งพิงขอกำลังจัดเลือกตั้ง

กระนั้นก็มีข้อท้วงติง ว่าการส่งคนดีมิรู้อีโหน่อีเหน่ข้ามถิ่น จะได้ผลแค่ไหนกัน จริงหรือที่ว่าข้าราชการ ทหาร ตำรวจ มหาดไทย ไม่เป็น กกต.จังหวัด แล้วจะเป็นกลาง เลือกตั้งโปร่งใส

สนช.ผ่านกฎหมาย โดยให้ กกต.ออกระเบียบคัดเลือกผู้ตรวจการเอง กกต.ก็ทำเหมือนตอนคัดเลือก กกต.จังหวัดนั่นแหละ ไม่ยักมีใครท้วงติง กรรมการคัดเลือกได้แก่ ผู้ว่าฯ เป็นประธาน อัยการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจ ประธานสภาทนาย องค์กรเอกชน สภาองค์กรชุมชนตำบล และภาคธุรกิจ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม ชมรมธนาคาร เลือกกันเองเหลือ 1 คน แต่ละจังหวัดคัดผู้สมัคร 16 คน ส่งชื่อให้ กกต.เลือกเหลือ 8 คน

คุณสมบัติก็ตามกฎหมายกำหนด ไม่ใช่ข้าราชการพนักงานรัฐวิสาหกิจ ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใน 5 ปี ไม่มีพ่อแม่ลูกผัวเมียสมัครรับเลือกตั้งทั้งระดับชาติและท้องถิ่น อายุระหว่าง 45-70 ปี

ผลที่ได้ก็ตามคาด คือส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกษียณ อย่าง ผู้ตรวจ กทม. 8 คน อายุ 61-69 ขวบ อ้าว ก็คนมีงานมีการ ทำที่ไหน จะมาสมัครเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง ซึ่งทำหน้าที่แค่ 2-3 เดือน แม้ได้เงินเดือน 50,000 รวมเบี้ยเลี้ยงค่ารถค่าที่พักแสนกว่า ก็มีแต่คนเกษียณหรือคนรับเบี้ยสูงวัยเท่านั้น

ในจำนวนนี้มีบ้าง ที่เป็นพนักงาน กกต.เกษียณ แต่ว่าตามเนื้อผ้า ก็เป็นอย่างที่อดีต กกต.สมชัยพูด คือ กกต.ชุดไหนเลือกคงไม่ต่างกัน เพียงแต่ กกต.ชุดนี้ “ไม่ฉลาด” เปลืองตัว น่าจะรอให้ชุดใหม่เลือกดีกว่า เพราะถ้าทำงานไม่ได้ผล กกต.ชุดนี้ก็จะเป็นแพะ โดนโทษว่าทิ้งทวน

ถ้ามีข้อข้องใจ ก็คือตอนตั้งกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัด เงียบเชียบมาก สาธารณชนไม่มีส่วนร่วมรับรู้ องค์กรเอกชน สภาองค์กรชุมชน หอการค้า ฯลฯ ส่งใครไปเป็นกรรมการ ใครสมัครบ้าง ล็อกโผกันไหม เกรงใจผู้ว่าฯ หรือเปล่า 16 คน กกต.เอาใครทิ้งไป 8 คน

แต่พอ สนช.จะแก้ ก็ไปโละสภาทนาย องค์กรเอกชน สภาองค์กรชุมชน (ไอ้พวกนี้เป็นคนของนักการเมืองหรือไง) ให้ผู้ว่าฯ ผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม และ ผอ. กกต.จังหวัด คือข้าราชการกับนักธุรกิจ คัดเลือกผู้ตรวจการขั้นต้น

ตลกไหม ก็แค่ไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ อยากล้มโต๊ะ ก็เลยจะรื้อกฎหมาย ทั้งที่ตัวเองร่างไปกับมือ ให้อำนาจ กกต.แล้วจะเอาคืน

ไม่รู้ใครไม่ฉลาดไม่มีมารยาทมากกว่ากัน แถมกว่าจะแก้กฎหมายเสร็จ ต้องประชาพิจารณ์ ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ คงได้เลื่อนเลือกตั้งอีกที

ถามจริง อยากได้ผู้ตรวจการเลือกตั้งดีวิเศษ เลิศลอย จากสวรรค์วิมานที่ไหนกัน ทั้งที่ให้ใครเลือก ก็ไม่น่าต่างกัน คือได้ข้าราชการเกษียณเป็นส่วนใหญ่ แล้วใครบ้างในโลกนี้ที่ไม่มีคอนเน็กชั่น สนช.ที่แต่งตั้งกันมา จะปฏิเสธหรือว่าไม่มีคอนเน็กชั่นกับอำนาจปัจจุบัน

วิธีคิดเรื่องการสรรหาคนเป็นกลาง เป็นอิสระ ปลอดการเมือง เป็นวิธีคิดของสังคมล้าหลัง งมงายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่ความเป็นจริงอยู่ในโลกทุนนิยม

พอบอกให้หาคนปลอดการเมือง ก็หนีไม่พ้นพรรคราชการ ผู้คุมอำนาจตัวจริง แถมส่วนใหญ่ก็กลายเป็นคนเกลียดการเมือง มองการเลือกตั้งในแง่ลบ แบบชาวบ้านโง่ ถูกซื้อ ถูกล่อใจด้วยประชานิยม ต้องแก้ไขด้วยไทยนิยมประชารัฐ

เอาเข้าจริงก็ไม่มีหรอก องค์กรอิสระที่เป็นกลาง มีแต่เข้าข้างพรรคราชการ เข้าข้างอำนาจที่ไม่มาจากเลือกตั้ง และจะเสื่อมให้เห็นอย่างรวดเร็ว เพราะแย่งกันเป็นผู้วิเศษนี่เอง

(หน้า 6)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน