กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคมีคำสั่งแต่งตั้ง นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครับผิดชอบภาคใต้ สอบสวน นายถาวร เสนเนียม

ถือได้ว่ามี “ความจำเป็น” เพราะว่าพฤติการณ์ของ นายถาวร เสนเนียม บังคับให้ต้องดำเนินการ
ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะหลีกเลี่ยงได้
เพราะไม่เพียงแต่ นายถาวร เสนเนียม จะเปิดประตูบ้านให้กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ระหว่างปฏิบัติการ”เดินคารวะแผ่นดิน”มาถึงสงขลาเท่านั้น

หากแต่ในการปราศรัยของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังพาดพิงไปถึง 1 ในสมาชิกคนสำคัญอันเรียกขานกันว่า”แก๊งไอติม”

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความต่อเนื่องจากศึกชิง”หัวหน้าพรรค”

ต้องยอมรับว่าการผลักดันให้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ทะยานไปชิง ตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นมาจากการผลักรุนอย่างเต็มแรงจาก นายถาวร เสนเนียม

โดยเชื่อกันว่า เป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ยังตกค้างอยู่ภายในพรรคประชาธิปัตย์

อันเท่ากับเป็นการชิงการนำ

การต่อสู้ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม จึงดุเดือด เข้มข้นยิ่ง

ทำให้ปมความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ใน”สงขลา”เผยแสดงแจ้งชัด

นั่นก็คือ กลุ่ม นายถาวร เสนเนียม ที่เอนเอียงไปทาง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับกลุ่ม นายนิพนธ์ บุญญามณี ที่เอนเอียงไปทาง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ปม 1 อันถือว่าเป็นการชิงไหวชิงพริบระหว่างกัน คือปมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการโหวต

ขัดแย้งถึงขั้นขู่ว่าอาจมีการฟ้องร้อง

พลันที่ นายถาวร เสนเนียม เปิดประตูบ้านต้อนรับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และเปิดปราศรัยพาดพิงถึง 1 ใน”แก๊งไอติม”

ก็เข้าทางกลุ่มอำนาจนำในพรรคประชาธิปัตย์

ปฏิบัติการสอบสวนพฤติการณ์ นายถาวร เสนเนียม จึงเท่า กับเป็นการขยายแผลพุพองอันดำรงอยู่ภายในพรรคประชาธิปัตย์ และเท่ากับเป็นการคืน “นกหวีด”ให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

เป็นการคืนจาก”พรรคประชาธิปัตย์”ในระหว่าง”เดินคารวะแผ่นดิน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน