แอสเซทไวส์ เล็งปรับแพ็กเกจคอนโดฯ เล็กลง-ราคาไม่แพงมาก รับเกณฑ์ใหม่แบงก์ชาติ ล่าสุดเปิด โครงการ แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง เริ่มที่ 1.69-3.2 ล้าน

เล็งปรับแพ็กเกจคอนโดฯ เล็กลง – นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด กล่าวว่า เกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่ หรือเกณฑ์แอลทีวีใหม่ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เมย. 2562 ทำให้บริษัทต้องกลับมาปรับแผนธุรกิจปี 2562 โดยจะพยามทำคอนโดมิเนียมที่แพ็กเกจเล็กลงในราคาไม่แพงมาก ให้ผู้บริโภคจับต้องได้ง่ายขึ้น อาทิ ทำคอนโดฯ ในซอย และขนาดห้องอาจเล็กลงจากเดิม ที่สำคัญต้องโฟกัสลูกค้าบ้านหลังแรกมากขึ้น โดยให้ลูกค้าตรวจสอบเครดิตบูโร ทั้งนี้ หากลูกค้าติดสัญญาผ่อนบ้านอยู่แล้ว และหากผ่อนมาเกิน 3 ปี ก็ไม่ต้องเข้าเกณฑ์แอลทีวีใหม่ ส่วนลูกค้าที่ติดสัญญาผ่อนบ้านกับธนาคารและยังไม่ถึง 3 ปี บริษัทจะให้ลูกค้าเตรียมความพร้อมทางการเงินก่อนที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ในอีก 16-18 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาบริษัททำคอนโดมิเนียมในทำเลรอบนอกกรุงเทพฯ ดังนั้นฐานลูกค้าหลัก 70% จะเป็นซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และอีก 30% เป็นลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า ซึ่งกลุ่มนี้มีการวางแผนทางการเงินมาก่อนอยู่แล้ว

ล่าสุดบริษัท เปิดตัวโครงการ แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง บริเวณซอยสหการประมูล ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีห้วยขวาง และสถานีศูนย์วัฒนธรรม เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น 3 อาคาร มีจำนวนห้องชุดรวม 594 ยูนิต และร้านค้าจำนวน 1 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่

โดยขนาดห้องมีตั้งแต่สตูดิโอ เริ่มที่ 21.10 ตร.ม. และขนาด 1 ห้องนอน มีให้เลือก 3 แบบ ขนาดตั้งแต่ 22.35-34.50 ตร.ม. ราคาขายเฉลี่ยตร.ม. 90,000 บาท หรือราคายูนิตเริ่มที่ 1.69-3.2 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเปิดขายในวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ โดยในช่วง 3 เดือนแรกของการเปิดตัวคาดว่าจะมียอดขาย 50% และจะปิดการขายได้ทั้งหมดในปี 2562 เนื่องจากอยู่ในทำเลที่หาที่ดินยาก และมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมไม่มาก

นายกรมเชษฐ์ กล่าวถึงผลประกอบการปีนี้ซึ่งบริษัทมีคอนโดมิเนียมที่ทยอยสร้างเสร็จและส่งมอบให้ลูกค้ารวม 8 โครงการ ทำให้ในปีนี้บริษัทจะมีการรับรู้รายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันรับรู้รายได้แล้ว 3,800 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ 4,000 ล้านบาท ส่วนแผนการดำเนินงานปี 2562 ยังมีการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง 6-8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้และยอดขายเพิ่มขึ้น 20% โดยบริษัทยังมีมุมมองที่ดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากภาครัฐมีการขยายการลงทุนรถไฟฟ้าหลายสาย ประกอบกับจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจมีการตื่นตัวขึ้น ขณะที่สภาพการแข่งขันของธุรกิจ โดยรายใหญ่ยังคงเป็นผู้กำหนดตลาด

ซึ่งตามแผนธุรกิจปีหน้าของบริษัท จะประกอบด้วยโครงการเคฟ ทาวน์ รังสิต ทำเลใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต เป็นอาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น รวม 4 อาคาร บนเนื้อที่รวม 9 ไร่เศษ ประกอบด้วยห้องชุดรวมประมาณ 1,000 ยูนิต ราคาขายตั้งแต่ 1.49-1.8 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างสำนักงานขาย และคาดว่าจะเปิดการขายได้ในช่วงต้นปีหน้า นอกจากนี้ ยังมีโครงการไอวอรี่ คอนโด รัชดาฯ 32 เป็นอาคาร 8 ชั้น ประกอบด้วยห้องชุดรวม 204 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 2 ล้านบาทต้นๆ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 500 ล้านบาทเศษ โครงการแอทโมซ แจ้งวัฒนะ เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น ส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างการออกแบบ

นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้านปูริ ปูริ พัฒนาการ 32 เนื้อที่รวม 5 ไร่ ซึ่งบริษัทถือหุ้น 51% ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ รวมถึงโครงการแกรม ลาดพร้าว 71 เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่งหน้ากว้าง 7 เมตร พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. รวม 18 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 12.5-15 ล้านบาท มูลค่ารวม 240 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างตกแต่งบ้านตัวอย่างและจะเปิดขายต้นปีหน้า

“เกณฑ์แอลทีวีใหม่ของธปท. ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแรงขึ้น และเป็นมาตรการที่ทำให้คนออมเงินเยอะขึ้นในการซื้อบ้าน ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวคือ โฟกัสไปที่ลูกค้าที่ไม่เคยมีบ้านเลย หรือเป็นผู้ซื้อบ้านหลังแรกให้มากขึ้น และการทำราคาต้องตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายด้วย”นายกรมเชษฐ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน