เอซุส เซ็นโฟน 8 เหมาะมือ-หน้าจอสวยสด เอซุส เซ็นโฟน 8 เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ ด้วยคอนเซ็ปต์เรือธงขนาดพอดีมือ ไม่ขนาดใหญ่เทอะทะเหมือนคู่แข่งรายอื่น

แอนดรอยด์อูธอริตี สื่อไอทีชื่อดัง ระบุว่า เซ็นโฟน 8 (Zenfone 8) เปิดตัว 2 รุ่น ได้แก่ เซ็นโฟน 8 และ เซ็นโฟน 8 ฟลิป (Zenfone 8 Flip) ตัวท็อปสุดนั้นเป็นเจ้าตัวเล็กแทนที่จะเป็นรุ่น ฟลิป ตามคอนเซ็ปต์เอาใจผู้ใช้ที่ชอบมือถือเครื่องเล็กแต่สเป๊กพริกขี้หนู เพื่อท้าชนกับสมาร์ตโฟนคู่แข่งในระดับเดียวกัน อาทิ กูเกิ้ล พิกเซล 5 ซัมซุง กาแล็กซี เอส 21 และไอโฟน 12 จากแอปเปิ้ล

การออกแบบภายนอกของเอซุส เซ็นโฟน 8 นั้นเน้นความเรียบง่ายไม่หวือหวา วัสดุเป็นขอบอะลูมิเนียมประกบด้วยกระจก Gorilla Glass Victus ที่ด้านหน้าและ Gorilla Glass 3 ที่ด้านหลัง มุมของเครื่องมีความโค้งมนไม่แหลมคม ให้ความรู้สึกกะทัดรัดพกพาสะดวก ขณะคุณภาพการประกอบของเครื่องนั้นไม่ได้ย่อหย่อน เพราะมีความแน่นหนาแข็งแรงผ่านมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 ตัวเครื่องมีขนาดกว้าง 68.5 ยาว 148 และหนา 8.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 169 กรัม

เมื่อหันเครื่องเข้าหาผู้ใช้จะพบกับปุ่มปรับระดับเสียงและเปิดปิดที่ขอบด้านขวา โดยปุ่มเปิดปิดนั้นจะมีสีฉูดฉาดโดดเด่นจากขอบอะลูมิเนียมซึ่งมีระยะการกดและการตอบสนองว่องไวเป็นเยี่ยม ขอบบนเป็นที่อยู่ของช่องสายหูฟังแบบมินิสเตอริโอ ขอบล่างเป็นช่องชาร์จไฟและเคเบิลข้อมูลแบบ USB-C ส่วนถาดใส่ ซิมนั้นอยู่ที่ขอบซ้าย สนับสนุนซิมการ์ดแบบนาโนพร้อมกันได้ 2 ชิ้น แต่ไม่สนับสนุนการ์ดเก็บข้อมูลเสริม นับว่าน่าเสียดายสำหรับผู้ที่ยังนิยมใช้การ์ดเหล่านี้อยู่

สำหรับด้านหลังของเครื่องนั้นมีเพียงโมดูลกล้องเลนส์คู่ที่ขนาดไม่ใหญ่นัก และยื่นออกมาจากตัวเครื่องเพียงเล็กน้อย ไม่มีลวดลายให้รกหูรกตา ให้ความรู้สึกเรียบเนี้ยบ สง่างาม อย่างสายใช้งาน ส่วนเซ็นโฟน 8 ฟลิปนั้นกล้องจะเป็นแนวขวางและพับขึ้นมาใช้เป็นกล้องเซลฟี่ได้

หน้าจอของเซ็นโฟน 8 มีขนาด 5.9 นิ้ว ซึ่งเล็กกว่าจอของ เรือธงทั่วไป (6.1 ถึง 6.9 นิ้ว) มีเรโซลูชั่นสูงสุด 1,080 x 2,400 พิกเซล (FHD+) ใช้เทคโนโลยี Super AMOLED (จากซัมซุง) ความหนาแน่นพิกเซล 446 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (ppi) อัตราส่วนภาพ 20:9 อัตราส่วนจอภาพต่อตัวเครื่องร้อยละ 82.9 ความสว่างสูงสุด 1,100 นิต รองรับภาพ HDR10+ และความถี่ภาพสูงสุด 120 เฮิร์ตซ์ (Hz) ช่วยให้ภาพลื่นตาน่าใช้ มาพร้อมกับอัตราการตอบสนอง 1 มิลลิวินาที (ms) และความไวทัชสกรีนที่ 240 H

การทดสอบใช้งานทั่วไปพบว่าจอของเซ็นโฟน 8 มีความสว่างในที่แจ้งอยู่ราว 800 นิต และสูงสุดถึง 1,100 นิต สู้แดดได้ และ ให้สีสันที่ฉูดฉาดเตะตา คอนทราสต์สูง สีดำลึกแท้ ภาพมีความคมชัดด้วยความหนาแน่นพิกเซลสูง และขอบที่ไม่หนามากนักทำให้เครื่องแลดูทันสมัย

ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยอย่างเซ็นเซอร์ตรวจสอบลายนิ้วมือใต้จอภาพนั้นมีมาเช่นกัน ผลการทดสอบพบว่ามีความไวและแม่นยำในระดับปานกลาง

เอซุส เซ็นโฟน 8 ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 11 จากกูเกิ้ล สหรัฐอเมริกา รองรับสัญญาณโทรคมนาคม 5G

เอริก ซีแมน ผู้ทดสอบจากแอนดรอยด์อูธอริตี กล่าวว่า ชิพประมวลผลที่เซ็นโฟน 8 ใช้นั้นเป็นตัวท็อปของค่ายควอล คอมม์ ผสมผสานกับแรมให้มาอย่างจุใจถึง 16 GB ทำให้ประสิทธิภาพและการใช้งานสมาร์ตโฟนรุ่นนี้อยู่ในระดับแนวหน้าของสมาร์ตโฟนค่ายแอนดรอยด์

ผลการทดสอบผ่านแอพ พลิเคชั่นเบนช์มาร์กอย่าง Geekbench 4, AnTuTu และ 3D Mark ได้ผลเป็นที่น่าประทับใจคู่คี่กันกับสมาร์ตโฟนตัวอื่นอย่าง ซัมซุง กาแล็กซี เอส 21 และ เสียวหมี่ หมี่ 11 อัลตรา โดยเป็นรองเพียงแอปเปิ้ลไอโฟน 12 โปร แม็กซ์ จากแอปเปิ้ลเท่านั้น

ด้านแบตเตอรี่ สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับแบตฯ ขนาด 4,000 มิลลิแอมป์ต่อชั่วโมง (mAh) โดยทางเอซุสระบุว่า พยายามใส่แบตฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้มาแล้วในเนื้อที่อันสุดแสนจำกัดภายในเครื่อง

ซีแมนระบุว่า ฟีเจอร์ที่ทำให้แบตฯ หมดเร็วที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเจ้า Always On Display (AOD) จุดเด่นของจอ OLED ให้ หน้าจอมีตัวหนังสือบอกเวลาค้างไว้ได้ตลอดโดยไม่เปลืองพลังงานมาก เพราะใช้พิกเซลแค่บางจุดเท่านั้น ทว่าหากเปิด ไว้ทั้งวันก็พบว่ากินแบตฯ ไปมากโขอยู่

แต่ข้อนี้ชดเชยด้วยโหมดบริหารจัดการพลังงาน 5 ระดับ ที่ผู้ใช้ปรับเปลี่ยนได้

การชาร์จพลังงาน เอซุส เซ็นโฟน 8 สนับสนุนการชาร์จไฟสูงสุด 30 วัตต์ (W) ซึ่งแถมมาให้ในกล่อง แต่ไม่สนับสนุนการชาร์จแบบไร้สาย

ผลการชาร์จจากศูนย์เปอร์เซ็นต์ถึงร้อยละ 60 ทำได้ภายในเวลาเพียง 25 นาที ถึงร้อยละ 80 ได้ภายใน 38 นาที และใช้เวลาทั้งสิ้น 80 นาที ในการชาร์จจนแบตฯ เต็ม ถือว่าเป็นจุดที่ด้อยกว่าเรือธงคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วชาร์จไวกว่า และล้วนรองรับการชาร์จไร้สาย ทางเอซุสอาจจะให้ความสำคัญกับอายุการใช้งานของแบตฯ มากไป

กล้องถ่ายภาพของเซ็นโฟน 8 นั้นยอมรับว่ามีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่คาดไว้ ประการแรกเป็นเรือธงที่มีกล้องหลังเพียง 2 เลนส์ ได้แก่ เลนส์วาย ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล (MP) และอัลตรา-วาย ความละเอียด 12MP ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเรือธงสมัยนี้มักมีกล้องหลัง 3 เลนส์ขึ้นไปด้วยกันทั้งนั้น หมายความว่า เซ็นโฟน 8 นั้นขาดไปคือ เลนซ์เทเลโฟโต้ที่ช่วยเรื่องภาพซูมต่างๆ ทำให้สมาร์ตโฟนใช้การซูมส่วนใหญ่ด้วยซอฟต์แวร์ (ซูมเทียม) หรือดิจิตอล แทนที่จะเป็นด้วยฮาร์ดแวร์ (ซูมแท้) หรือออพติคอล

เลนส์หลักของเซ็นโฟน 8 ใช้เซ็นเซอร์ภาพตัวท็อปรุ่น IMX686 จากค่ายโซนี่ ประเทศญี่ปุ่น ที่จะย่อภาพขนาด 64MP ลงมาเป็น 16MP รวมทั้งมีระบบกันสะเทือน (OIS) ช่วยให้ภาพมีความคมชัดมากขึ้นในระดับเดียวกันกับเรือธงรุ่นอื่นๆ จากคู่แข่ง ขณะที่เซ็นเซอร์ภาพอัลตรา-วาย เป็นรุ่น IMX363 จากโซนี่เช่นกัน สามารถใช้ถ่ายได้ภาพมุมกว้างพิเศษ และระยะประชิด (มาโคร) พบได้ในกล้องของกูเกิ้ล พิกเซล และสมาร์ตโฟนราคาประหยัดทั่วไป สุดท้ายเป็นกล้องเซลฟี่ด้านหน้าความละเอียด 12MP ใช้เซ็นเซอร์รุ่นใหม่กว่าจากค่ายโซนี่ คือ IMX663

ผลการทดสอบเลนส์หลักนับว่าเป็นที่น่าพอใจ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบทั้งหมด เพราะแม้จะโฟกัสได้แม่นยำว่องไว การไล่แสงบนวัตถุ และสีสันที่เปล่งปลั่ง แต่ยังมีปัญหาเล็กน้อยเรื่อง White Balance ให้ผล ไม่สม่ำเสมอในแต่ละภาพ รวมทั้งสีที่เปล่งปลั่งบางครั้งก็สู้เลนส์หลักในซัมซุง กาแล็กซี เอส 21 ไม่ได้

ส่วนภาพจากเลนส์อัลตรา-วาย มีข้อเสียตรงที่ภาพมีอาการบิดเบี้ยวให้เห็นได้ และมี Noise ในภาพมากกว่าที่ควร ถือว่าพอไปวัดไปวาได้ ขณะที่กล้องเซลฟี่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งภาพเซลฟี่และโบเก้

สรุปแล้วเซ็นโฟน 8 เป็นสมาร์ตโฟนจากเอซุสที่มุ่งเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้ระดับพรีเมียมแต่ต้องการสมาร์ตโฟนขนาดเล็กกะทัดรัด มีจุดเด่นที่ขนาดพกพาสะดวก สเป๊กที่แถวหน้าของค่ายแอนดรอยด์ และหน้าจอที่สวยสด ผสานกับเทคโนโลยีทันสมัยรองรับ 5G นับว่าเป็นสมาร์ตโฟน เรือธงที่เล็กแต่สเป๊กพริกขี้หนู

สนนราคาที่ 26,500 บาท คาดว่า จะวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงไตรมาส ที่ 2

จันท์เกษม รุณภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน