ส่องทีเด็ด ‘เสี่ยวหมี่ 11 ที’ – ทีมข่าวสดไอทีนำรีวิวสมาร์ตโฟนตัวจี๊ดอย่าง เสี่ยวหมี่ 11 ที โปร รุ่นท็อปของ ที ซีรีส์ จากค่ายเสี่ยวหมี่ ผู้พัฒนา สมาร์ตโฟนดาวรุ่งจากประเทศจีนมาให้ชมกันไปแล้ว ครั้งนี้ถึงคิวชมพี่รองของ ที ซีรีส์ กันบ้าง ที่ยกระดับความคุ้มค่าให้มากขึ้นไปอีกกับเสี่ยวหมี่ 11 ที (Xiaomi 11T) ที่ยังคงความโดดเด่นของตัวโปรไว้อย่างครบครัน

ตามที่ได้เคยกล่าวไปแล้วว่า ที ซีรีส์ จากเสี่ยวหมี่นั้นถูกออกแบบมาเป็นสมาร์ตโฟนที่นำเสนอนวัตกรรมภายใต้ราคาเข้าถึงได้ โดยทางเสี่ยวหมี่เปิดตัวรุ่น ที ซีรีส์ เมื่อ 15 ก.ย. ได้แก่ เสี่ยวหมี่ 11 ที โปร (Xiaomi 11T Pro) เสี่ยวหมี่ 11 ที (Xiaomi 11 T) และ เสี่ยวหมี่ 11 ที ไลต์(Xiaomi 11T Lite) นับได้ 6 เดือนต่อจากการเปิดตัวของสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมอย่าง หมี่ ซีรีส์ รุ่นล่าสุดอย่าง เสี่ยวหมี่หมี่ 11 ซึ่งเป็นเทียร์ที่อยู่เหนือ ที ซีรีส์ ขึ้นไปนั่นเอง

การออกแบบภายนอกของเสี่ยวหมี่ 11 ที นั้นเหมือนกันกับ 11 ที โปร ไม่ว่าจะเป็นโฉมหน้าที่แลดูเรียบร้อยแฝงความหรูหรา แม้ดูไม่สะดุดสายตา แต่สวยพิศเหมือนกันกับรุ่นโปร ทั้งยังมีขนาดเท่ากัน คือ กว้าง 76.9 ยาว 164.1 หนา 8.8 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 203 กรัม(เบากว่ารุ่นโปรเพียง 1 กรัมเท่านั้น)

และด้วยขนาดที่เท่ากันนี้ ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และหนัก ผู้ที่ฝ่ามือเล็กอาจจับไม่ค่อยถนัดนัก แต่ไม่ต้องกลัวจะพลิกเพราะการกระจายน้ำหนักนั้นทำมาได้ดี

เช่นเดียวกันกับคุณภาพการประกอบที่รัดกุมผ่านมาตรฐาน IP5 3 กันน้ำสาด และกันฝุ่นเข้าได้ ขณะที่วัสดุนั้นเป็นแบบเดียวกันรุ่นโปรด้วย ได้แก่ กระจก Gorilla Glass Victus ทั้งสองด้าน ประกบขอบอะลูมิเนียม สันด้านล่างเป็นที่อยู่ของถาดใส่ซิมนาโนแบบสองด้าน (ใส่ได้ 2 ซิม) ช่อง USB-C และลำโพงสเตอริโอ ซึ่งอีกช่องอยู่ที่สันด้านบน

ขณะที่ปุ่มอะลูมิเนียมที่สันด้านขวาของเครื่องสำหรับปรับเสียงและเปิดปิดเครื่องนั้นตอบสนองว่องไว กดสบายนิ้วไม่คม และมีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือแบบบิลด์อินที่ปุ่มเปิดปิด ซึ่งการทดสอบพบว่ารวดเร็วและแม่นยำอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว

การวางตำแหน่งของลำโพงสเตอริโอทั้งสองด้านนั้นทางเสี่ยวหมี่ยังใส่ใจรายละเอียด เมื่อเครื่องอยู่ในแนวนอน (Landscape) ลำโพงทั้งคู่จะอยู่ที่มุมบนของสันทั้งสองข้างทำให้ไม่ถูกอุ้งมือบังเสียงอย่างไรก็ดี ลำโพงของรุ่น 11 ที นั้นไม่ได้รับการปรับแต่งเสียงจากค่าย harman/kardon สหรัฐอเมริกา มาเหมือนกับ 11 ที โปร

จากการทดสอบพบว่า หากเปิดดังสุดจะทำให้เสียงแตกเล็กน้อย แต่เรื่องความดังนั้นหายห่วง เบสแม้จะลูกเล็กและออกไปทางลากนั้นพบว่าล้นทับเสียงย่านอื่น ทำให้ขาดความคมชัดของเครื่องดนตรี แต่ยังคงความโดดเด่นของย่านเสียงกลางไว้ได้ โดยเฉพาะเสียงนักร้องและ เสียงพากย์ในภาพยนตร์ ทำให้ปัญหาดังกล่าวไม่สร้างความหงุดหงิดขณะฟังเพลงและชมภาพยนตร์

ส่วนเวทีเสียงนั้นค่อนข้างแคบ แต่ทางลึกนั้นค่อนข้างดีมีมิติ ผู้ใช้ที่ซีเรียสกับการฟังเพลงใช้หูฟังบลูทูธแทนได้ (เครื่องไม่มีช่องสำหรับสายหูฟังมินิสเตอริโอ) โดยเครื่องสนับสนุน codec แบบ lossless อย่าง aptX HD ผ่านบลูทูธ 5.2 ด้วย แน่นอนว่าสนับสนุนการเชื่อมต่ออื่นๆเหมือนกันกับรุ่นโปร ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณเครือข่ายแบบ 5G ไปจนถึงสัญญาณ Wi-Fi 6 แบบ dual-band

หน้าจอของ 11 ที แม้จะไม่ใช่จอที่ดีที่สุดในวงการแต่ก็ยังถือว่าเหลือเฟือต่อการใช้งาน และเป็นจอมาตรฐานสำหรับ สมาร์ตโฟนในช่วงราคานี้ และเป็นสเป๊กเดียวกันกับ 11 ที โปร เป็นเทคโนโลยีจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดสูงสุด 1,080x 2,400 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 395 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (ppi) อัตราส่วนภาพ 20:9 พื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องร้อยละ 85.1 รองรับ HDR10+ และ Dolby Vision

ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต และความถี่สูงสุด 120 เฮิร์ตซ์ (Hz) ช่วยให้ภาพลื่นตาน่าใช้

ข้อแตกต่างสำคัญที่สุดของ 11 ที กับรุ่นโปร เป็นชิพประมวลผล (SoC) รุ่น Dimensity 1200 5G จากค่าย MediaTek ผู้พัฒนา SoC จากไต้หวัน สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 6 นาโนเมตร (nm)

พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน (ROM) มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ 128 และ 256 GB มาตรฐาน UFS 3.1 (แบนด์วิธข้อมูลสูงสุด 2,900 เมกะไบต์ต่อวินาที) ไม่รองรับการ์ดข้อมูลเสริม แตกต่างจากรุ่นโปรที่ใช้ SoC ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมขนาด 5 nm รุ่น Snapdragon 888 5G จากค่ายควอลคอมม์

การทดสอบเบนช์มาร์กผ่านแอพพลิเคชั่น Geekbench 5 บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 11 จากกูเกิ้ล พบว่าได้คะแนนประมวลผล คอร์เดียวเฉลี่ย 841 แต้ม และหลายคอร์ 2,853 แต้ม ส่วนประสิทธิภาพด้านกราฟิกนั้นทดสอบผ่านแอพฯ 3DMark ชุดทดสอบ Wild Life พบว่าได้คะแนนเฉลี่ย 4,174 แต้ม มีเฟรมเฉลี่ยอยู่ที่ 25 เฟรมต่อวินาที (fps)

สาเหตุที่คะแนนประมวลผลคอเดียวเฉลี่ยของ Dimensity 1200 สูงกว่า Snapdragon 888 เนื่องมาจาก Per formance Core (P Core) ที่มีความถี่สูงถึง 3.0 GHz ขณะที่ P Core ของ Snapdragon 888 นั้นมีความถี่ 2.84 GHz (เบนช์มาร์ก 641 แต้ม) แต่คะแนนประมวลผลแบบหลายคอร์ของ Dimensity 1200 นั้นต่ำกว่าทางฟาก Snapdragon 888 (3,027 แต้ม)

แน่นอนว่าภายใต้การใช้งานจริงทั่วไปนั้นไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่าง SoC ทั้งสองรุ่น การใช้งานแอพฯ ต่างๆ และ Multi-tasking มีความลื่นไหลไม่ติดขัด แต่ผู้ทดสอบไม่พบผู้ปัญหาเรื่องความร้อน จาก Dimensity 1200 เหมือนกับ Snapdragon 888 จากการทดสอบเล่นเกม 1 ชั่วโมงติดต่อกัน ซึ่งนำมาสู่จุดที่รู้สึกถึงความแตกต่างมากที่สุดคือ ประสิทธิภาพกราฟิก

สะท้อนชัดเจนจากผลการทดสอบใน 3DMark มีคะแนนเฉลี่ยและเฟรมเฉลี่ย ต่ำกว่ารุ่นโปรเล็กน้อย (คะแนน 5,642 แต้ม เฟรมเฉลี่ย 33.80 fps) แต่ก็ยังสามารถเล่นเกม AAA อย่าง Genshin Impact จาก miHoYo ได้ แต่อาจต้องปรับกราฟิกลงเล็กน้อยหากต้องการให้การเล่นเกมมีความคล่องตัว

อีกจุดของความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่น เป็นแบตเตอรี่ แม้จะมีขนาดใหญ่เบิ้มถึง 5,000 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) เท่ากัน แต่มีระยะเวลาการชาร์จแตกต่างกัน

การทดสอบใช้งานทั่วไปพบว่าอยู่ได้ถึง 2 วัน แต่หากใช้งานหนักก็อาจอยู่ได้ไม่ถึงวัน ทว่าทางเสี่ยวหมี่ชดเชยจุดนี้ด้วยชาร์จเจอร์ขนาด 67 วัตต์ (W) ที่แถมมาให้ (พร้อมกับสาย USB-C to USB-C สีขาว และเคสซิลิโคนใส) ชาร์จสมาร์ตโฟนรุ่นนี้จากศูนย์ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในเวลาเพียง 37 นาที! แม้จะไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย และฟีเจอร์ชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่นๆ (wireless reverse charging) รวมทั้งไม่ไวเท่ากับรุ่นโปรที่ชาร์จ 120W ได้เต็มภายใน 17 นาที แต่ก็ถือว่าน่าประทับใจมากแล้ว

ด้านกล้องของรุ่น 11 ที นั้นคล้ายกันกับรุ่น 11 ที โปร หากมองภายนอกแล้วทั้งสองรุ่นมีหน้าตาและโมดูลที่เหมือนกันจนแยกไม่ออก ที่น่ายินดีคือโมดูลกล้องไม่ยื่นออกมามากเหมือนกับ 10 ที โปร รุ่นก่อนโดยกล้องหลักนั้นมีความละเอียด 108 ล้านพิกเซล (MP) ช่องรับแสงขนาด f/1.75 กล้องเทเลมาโครความละเอียด 5 MP กล้องอัลตราไวด์ความละเอียด 8 MP และกล้องเซลฟี่ด้านหน้าที่เป็นหลุมกลางจอด้านบนความละเอียด 16 MP ซึ่งถือว่าโอเวอร์คิลสุดๆ สำหรับถ่ายเซลฟี่

ที่แตกต่างนั้นส่วนความสามารถด้านการถ่ายคลิป คือสามารถ ถ่ายได้สูงสุดถึง 4K@30fps และ 1080p@30/60/120 fps ไม่เหมือนกัน รุ่นโปรที่ถ่ายได้ถึง 8K@30fps หรือจะเป็น 4K@30/60fps และ 1080p@30/60/120/240/960fps คุณภาพที่ได้ออกมาจากกล้องหลักนั้นใกล้เคียงกันกับรุ่นโปร ให้ภาพที่คมชัด สีสันเปล่งปลั่ง รายละเอียด ไม่ขาดตกบกพร่อง

แต่การทดสอบครั้งนี้พบว่า มีคอนทราสต์ที่ไม่ดีเท่ากับรุ่นโปร ปัญหาเรื่องแสงเกินและรายละเอียดที่ลดลงเวลาถ่ายในที่มืดยังมีอยู่เหมือนกันกับรุ่นโปร ขณะที่กล้องเทเลมาโครนั้นโดดเด่นเช่นเดียวกันกับรุ่นโปร โดยรวมแล้วผู้ทดสอบคิดว่าภาพที่ได้จากรุ่น 11 ที นั้นด้อยกว่า 11 ที โปร เล็กน้อย แต่คุณภาพที่ได้นั้นอยู่ในเกณฑ์ดีมากแล้ว

โดยสรุปแล้ว เสี่ยวหมี่ 11 ที เป็นสมาร์ตโฟนที่มีความโดดเด่นเรื่องความสามารถในการถ่ายภาพได้สวยงาม ความสามารถในการชาร์จ ที่ไว และแบตฯ ใหญ่จุใจ ในราคาที่คุ้มค่ามากกว่า 11 ที โปร

สนนราคาที่ 13,990 บาท วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย

จันท์เกษม รุณภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน