ปี 2024 ที่กำลังจะผ่านไปนั้นเป็นปีที่การแข่งขันในวงการสมาร์ตโฟนยังคงร้อนแรงทั้งในแง่ของนวัตกรรมและการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดที่มีค่ายเสี่ยวหมี่จากประเทศจีนฟาดฟันกับซัมซุงจากเกาหลีใต้ในด้านยอดขายสูงสุดอย่างดุเดือด โดยแอปเปิ้ลจากสหรัฐอเมริการ่วงลงไปอยู่ลำดับที่สามแทน ทว่า เรื่องยอดจำหน่ายกับความคุ้มค่าของมือถือแต่ละรุ่นนั้นไม่ได้ไปด้วยกันเสมอไป ทางเว็บไซต์เทคเรดาร์จึงนำสุดยอดสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดของปีนี้มาให้ชมกัน และทีมข่าวสดไอทีมีม้ามืดของปีนี้มาอวยทิ้งท้ายด้วย
Google Pixel 9 Pro
สุดยอดสมาร์ตโฟนแห่งปี 2024 ของเว็บไซต์เทคเรดาร์ครบถ้วนทั้งงานออกแบบภายนอก ฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ที่ใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวัน (ดีจนน่ากลัว) กล้องถ่ายภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด ความถึกทนของตัวเครื่อง และการรับประกันอัพเกรดระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (AOS) ได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 7 ปี ตั้งแต่แอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 15 เป็นต้นไป สนนราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 41,900 บาท
Google Pixel 9 Pro มีน้ำหนัก 199 กรัม จอภาพขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 1,280×2,856 พิกเซล ใช้ขุมพลังจากชิพ Google Tensor G4 หน่วยความจำแรม 16 กิกะไบต์ (GB) พื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 1 เทร่าไบต์ (TB) มีแบตเตอรี่ขนาด 4,700 มิลลิแอมป์ต่อชั่วโมง (mAh) กล้องหลังระบบ 3 ตัว ได้แก่ เลนส์หลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (MP) เลนส์เทเลโฟโต้ หรือเลนส์ซูมแท้ 5x ความละเอียด 48MP และเลนส์อัลตราไวด์ความละเอียด 48MP ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 48MP ขณะที่ข้อด้อยเป็นคะแนนเบนช์มาร์กที่ด้อยกว่าเรือธงเจ้าอื่น และฟีเจอร์เอไอที่ยังขาดๆ เกินๆ บางอัน
Apple iPhone 16 Pro Max
สุดยอด iPhone ที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่แอปเปิ้ลจะสามารถให้ได้ ฟังก์ชันและฟีเจอร์ในฝันของบรรดาผู้ใช้สมาร์ตโฟนครบจบด้วยมือถือรุ่นนี้รุ่นเดียว ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่โดดเด่นมากเรื่องการควบคุมทำให้ใช้สนุกถ่ายภาพมันส์ ซอฟต์แวร์ตอบสนองว่องไวให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง ผสมผสานกับฟีเจอร์อย่าง Apple Intelligence เอไอตามแบบฉบับของแอปเปิ้ลที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 18 สนนราคาที่ 48,900 บาท
Apple iPhone 16 Pro Max มีน้ำหนัก 227 กรัม จอภาพขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 1,320×2,868 พิกเซล ใช้ขุมพลังจากชิพ A18 Pro หน่วยความจำแรม 8 GB พื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 1 TB กล้องหลังระบบ 3 ตัว ได้แก่ เลนส์หลักความละเอียด 48MP เลนส์ซูมแท้ 5x ความละเอียด 12MP และเลนส์อัลตราไวด์ความละเอียด 48 MP ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 12MP ข้อด้อยคือราคาที่เข้าถึงได้ยากกว่าเจ้าอื่นและ iOS ที่ไม่ใช่ทุกคนจะชอบ
Samsung Galaxy S24 Ultra
สมาร์ตโฟนในระบบ AOS ที่สมบูรณ์แบบที่สุด นอกเหนือไปจาก Google Pixel ที่ไม่ได้วางจำหน่าย หรือหาซื้อง่ายไปเสียทุกประเทศ มือถือเรือธงรุ่นนี้จากซัมซุง ประเทศเกาหลีใต้นั้นมีกล้องถ่ายภาพที่ทำงานได้หลากหลายรูปแบบ เหมือนมีกล้องถ่ายภาพทุกชนิดรวมอยู่ในมือถือเครื่องเดียว ทำให้รับมือได้กับทุกสภาพแวดล้อม และจอภาพที่สวยงามที่สุดในวงการ รวมถึงประสิทธิภาพที่รองรับการใช้งานได้ทุกชนิด ราคาเริ่มต้นที่ 36,900 บาท
Samsung Galaxy S24 Ultra มีน้ำหนัก 232 กรัม จอภาพขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียดระดับ QHD+ ใช้ขุมพลังจากชิพ Snapdragon 8 Gen 3 Mobile Platform for Galaxy (ปรับจูนพิเศษสำหรับมือถือรุ่นนี้โดยเฉพาะจากวิศวกรของ Qualcomm) หน่วยความจำแรม 12 GB พื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 1 TB มีแบตฯ ขนาด 5,000 mAh กล้องหลังระบบ 4 ตัว ได้แก่ เลนส์หลักความละเอียด 200MP เลนส์ซูมแท้ 3x ความละเอียด 10MP เลนส์ซูมแท้ 5x ความละเอียด 50MP และเลนส์อัลตราไวด์ความละเอียด 12 MP ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 12MP ข้อด้อยคือ AI ที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจำเป็น และน้ำหนักมาก
OnePlus 12R
ค่ายวันพลัสจากประเทศจีน มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในแวดวงนักเลงมือถือ ว่าเป็น “จอมสังหารเรือธง” หรือแฟล็กชิพคิลเลอร์ โดยสมาร์ตโฟนรุ่นนี้จากทางค่ายยังคงตอกย้ำความน่าเกรงขามของความสามารถในการหั่นขาเก้าอี้แบรนด์ใหญ่ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า โดดเด่นที่สุดด้วยระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน ถือเป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ ที่แบตฯ อึดถึกที่สุดในรอบหลายปีมานี้ พร้อมจอภาพที่ให้ภาพสวยสดคมชัด ราคาเริ่มต้นเพียง 26,990 บาท
OnePlus 12R มีน้ำหนัก 207 กรัม จอภาพขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียดระดับ 1,264×2,780 พิกเซล ใช้ขุมพลังจากชิพ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 หน่วยความจำแรมสูงสุด 16 GB พื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 256 GB มีแบตฯ ขนาด 5,500 mAh กล้องหลังระบบ 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลักความละเอียด 50MP กล้องอัลตราไวด์ความละเอียด 8MP และกล้องถ่ายภาพมาโคร (ระยะประชิด) ความละเอียด 2MP ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16MP
แน่นอนว่า ข้อด้อยอยู่ที่พื้นที่เก็บข้อมูลไม่มากนักและกล้องถ่ายภาพที่ไม่ได้หวือหวา รวมถึงประสิทธิภาพที่ไม่เท่าบรรดาคู่แข่งในปีนี้ เพราะใช้ชิพเรือธงจากปีก่อน
Samsung Galaxy Z Fold 6
สุดยอดสมาร์ตโฟนแปลงร่างที่ผสานประสบการณ์ใช้งานระหว่างมือถือกับแท็บเล็ตเข้ามารวมกัน พร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่ไม่เป็นสองรองใคร มาพร้อมทุกฟีเจอร์ที่ซัมซุงมี ต่อยอดจากรุ่นก่อนด้วยความทนทานที่สูงขึ้น จอภาพที่สวยงามทั้งด้านนอกและใน เอไอและซอฟต์แวร์ที่พัฒนามาเพื่อเอาใจสายคอนเทนต์ รวมถึงระยะเวลาแบตฯ ที่อยู่ในเกณฑ์ดี เหมือนซื้อเพียงครั้งแต่ได้มือถือถึงสองเครื่องในคราวเดียว สนนราคาที่ 58,900 บาท
Samsung Galaxy Z Fold 6 มีน้ำหนัก 239 กรัม จอภาพโหมดแท็บเล็ตขนาด 7.6 นิ้ว ความละเอียด 1,856×2,160 พิกเซล และจอด้านนอกขณะพับความละเอียด 968×2,376 พิกเซล ใช้ขุมพลังจากชิพ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 หน่วยความจำแรมสูงสุด 12 GB พื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 1 TB มีแบตฯ ขนาด 4,400 mAh กล้องหลังระบบ 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลักความละเอียด 50MP กล้องอัลตราไวด์ความละเอียด 12MP และกล้องซูมแท้ 3x ความละเอียด 10MP ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 10MP
ข้อด้อยคือ ราคาที่ค่อนข้างแพง ไม่กันฝุ่นเข้า และหากเทียบกับ Galaxy Z Fold 6 แล้วถือว่าพัฒนากว่าเดิมไม่มากนัก โดยเฉพาะกล้องที่คุณภาพสู้พวกเรือธงที่ไม่ใช่สายพับไม่ได้
Asus ROG Phone 9 Pro
ไม่มีข้อสงสัยใดๆ สำหรับสายเล่นเกม Republic of Gamers (ROG) ผลิตภัณฑ์จากตระกูลนี้ของเอซุส แดนไต้หวัน รับประกันความเป็นที่หนึ่งในยุทธภพ ด้วยขุมพลังจากชิพ Qualcomm Snapdragon 8 Elite ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดชิพ Next-Gen ที่กำลังจะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในสมาร์ตโฟนปีหน้า (แต่ทางเอซุสเอามาใช้แล้วได้ไง!?)
นอกเหนือไปจากประสิทธิภาพที่แรงกว่าชิพเรือธงของปีนี้แล้ว ซอฟต์แวร์ของทาง ROG Phone นั้นถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนน่าใช้แล้ว ไม่เหมือนยุคก่อนๆ ที่ถูกเกมเมอร์โจมตีว่า “เยอะ” เกินเหตุ แถมด้วยดีไซน์เฉี่ยวๆ ที่ด้านหลังเครื่องด้วย AniMe Vision mini-LED เพิ่มความหล่อสไตล์นักเล่นเกมพร้อมความหรูหรา คาดว่าจะเปิดตัวในไทยปีหน้า
Vivo X200 Pro
สุดยอดสมาร์ตโฟนม้ามืดที่ทีมข่าวสดไอทีประทับใจที่สุดในปี 2024 เรือธงจากค่ายวีโว่รุ่นนี้มีแบตฯ ที่ขนาดใหญ่ถึง 6,000 mAh แต่บางเพียง 8.2 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพการบริหารจัดการพลังงานที่ประหยัดและแรงอย่างไม่น่าเชื่อโดยชิพเรือธง Dimensity 9400 ของค่าย Mediatek เกาะไต้หวัน สร้างด้วยสถาปัตยกรรมการผลิต 3 นาโนเมตร สามารถใช้ได้นานเกือบ 15 ชั่วโมง! เป็นมือถือที่อึดที่สุดในปีนี้ในฝั่งแอนดรอยด์ (อึดกว่า OnePlus 12R ราว 20 นาที)
ยังไม่หมดเท่านั้น Vivo X200 Pro มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลักความละเอียด 50MP กล้องอัลตราไวด์ความละเอียด 50MP และกล้องซูมแท้ 3.7x ความละเอียด 200MP ส่งผลให้คุณภาพจากภาพถ่ายทั่วไปและภาพซูมออกมาเต็มไปด้วยรายละเอียด รวมถึงคลิปที่ถ่ายนั้นมีคุณภาพสูงเทียบเรือธงของค่ายแบรนด์ใหญ่ๆ เจ้าตลาดไฮเอนด์ได้ (หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ) ทั้งหมดนี้ควบรวมกับประสิทธิภาพระดับแถวหน้า สนนราคาเพียง 39,999 บาท
ส่วนที่ทางทีมข่าวสดไอทีขัดใจคือ ดีไซน์ที่ไม่หวือหวานัก โมดูลกล้องที่ใหญ่ยักษ์ และพื้นผิวของด้านหลังเครื่องที่ลื่นและดูดลายนิ้วมือ
ทีมข่าวสดไอที