คอลัมน์ ฝึกภาษาอังกฤษ
วันนี้ (30 พ.ย.) เป็นวันสุด ท้ายของเดือนพฤศจิกายน และจะเข้าสู่เดือนธันวาคม อันเป็นเดือนสุด ท้ายของปี
เดือนธันวาคมนี้มีเทศกาลสำคัญของชาวตะวันตกอยู่ 2 เทศกาลด้วยกัน นั่นคือ คริสต์มาส (Christmas) และวันสิ้นปี (New Year”s Eve)
จริงๆ แล้ว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยที่สองวันนี้อยู่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากในยุโรปสมัยโบราณนั้น ฤดูหนาว (winter) เป็นช่วงที่มีเทศกาลเฉลิมฉลองในหลายภูมิภาคและหลายวัฒนธรรม
วันสำคัญหนึ่งในฤดูหนาวคือ การเฉลิมฉลองวันกึ่งกลางของ ฤดูหนาว หรือที่เรียกว่า “Yule” ที่มักจะตรงกับเดือนธันวาคม โดยเป็นวันที่มีพื้นฐานมาจากความเชื่อว่าฤดูหนาวที่เป็นช่วงเวลาของความหนาวเย็น ความตาย และความอดอยาก ใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว ชีวิตและสีสันต่างๆ ในโลกกำลังกลับมา
นอกจากนี้ ยังใกล้เคียงกับวัน “Winter Solstice” หรือวัน ทักษิณายัน อันหมายถึงวันที่พระอาทิตย์เคลื่อนไหวยังจุดใต้สุด ในแต่ละปี
Yule เป็นวันสำคัญของชาวยุโรปโบราณมานาน ต่อมา ศาสนาคริสต์เป็นที่นิยมมากขึ้น วันดังกล่าวจึงได้รับการผสมผสานจากความเชื่อในศาสนาคริสต์ กลายเป็นวันเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู หรือวันคริสต์มาส ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี
Yule ในภาษาปัจจุบัน จึงหมายถึงวันคริสต์มาสไปด้วย หรือบางที่ก็เรียกว่า Yuletide
อย่างไรก็ตาม ธรรมเนียมของ Yule หลายอย่างยังมีอยู่ เช่น การประดับต้นไม้ให้สวยงาม หรือที่เรียกว่า ต้นคริสต์มาส (Christmas tree)
สำหรับวันสิ้นปีของชาวตะวันตกนั้นมีธรรมเนียมมาตั้งแต่สมัยโรมันที่กำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับเดือน January หรือเดือนมกราคม ซึ่งเป็นเดือนที่เฉลิมฉลองเทพเจ้า Janus เทพแห่งการเริ่มต้นใหม่ โดยเทพองค์ดังกล่าวมีสองหน้า ซึ่งสื่อได้ด้วยถึงการมองไปยังอดีตในปีเก่าและอนาคตในปีใหม่
ถ้อยคำสำคัญของเทศกาลทั้งสองนี้ ก็อย่างที่เราได้ยินกันบ่อยๆ นั่นคือ “Merry Christmas and Happy New Year”
นั่นคือ “สุขสันต์วันคริสต์มาส และสวัสดีปีใหม่” นั่นเอง