พระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า ปลงเส้นพระเกศาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครั้งทรงพระผนวช เมื่อปีพ.ศ.2499 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ทรงคุณค่าที่ร้านตัดผมและร้านเสริมสวยเชิญมาประดับคู่ร้านเพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นกำลังใจสำคัญในการทำงาน
ร้านเสริมสวยนวลบาร์เบอร์ ย่านอาคารพาณิชย์หลังเก่า ตรงข้ามวัดมหรรณพารามวรวิหาร เขตพระนคร กทม. เชิญพระบรมฉายาลักษณ์นี้ไว้บนผนังโดดเด่นสะดุดตา คุณนวล ชุติกาญจน์ อินคุ้ม เจ้าของร้าน กล่าวว่า เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ที่สอดคล้องกับอาชีพช่างตัดผม และประทับใจที่ทรงมีฝีพระหัตถ์ปลงเส้นพระเกศาอย่างวิจิตร ทรงเป็นแบบอย่างให้เราตั้งใจและซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ
ช่างนวลเล่าว่า พื้นเพเคยทำไร่ทำสวนที่จ.สระแก้ว แต่ล้มป่วยจนทำไม่ไหว มีคนแถวบ้านชวนให้มาเรียนตัดผมที่โรงเรียนเชี่ยวชาญเกศา เขตห้วยขวาง กทม. แต่ค่าครองชีพสูงมาก จึงออกไปเป็นลูกจ้างตามร้าน สั่งสมประสบการณ์กว่า 10 ปี
ดิ้นรนหารายได้มาจุนเจือครอบครัว โดยยึด “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สามารถเลี้ยงดูและส่งเสียลูก 2 คน ให้เรียนจบมหาวิทยาลัยได้ เมื่อรู้สึกท้อแท้จากอุปสรรคต่างๆ จะระลึกถึงหยาดพระเสโทของพระองค์ที่ทรงงานเพื่อพสกนิกรไม่มีวันหยุดหย่อน คิดอย่างนั้นจึงสู้ชีวิตมาได้
“รู้สึกปลื้มปีติทุกครั้งเมื่อเห็นพระพักตร์ในพระบรมฉายาลักษณ์ เวลาทุกข์ใจจะมองไปที่พ่อหลวง รักพระองค์จนไม่อยากให้เสด็จสวรรคต อยากให้คนไทยอยู่อย่างสงบเพื่อให้พระองค์ทรงสบายพระทัย ไม่ต้องทรงวิตกกังวลอีก”ช่างนวลเผยความรู้สึก
ไม่ไกลกันนัก ริมถนนหลานหลวง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. ภายในร้านเสริมสวย เจ-สไตลิสต์ ประดับพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จย่าปลงเส้นพระเกศาในหลวงรัชกาลที่ 9 ล้อมกรอบทองลวดลายประณีต ตกแต่งดอกไม้สด และแสงไฟแวววาว
นางโสภิสา ชินจักร คุณแม่ลูกสองวัย 53 ปี เจ้าของร้าน เผยว่า ได้พระบรมฉายาลักษณ์นี้มาจากตลาดคลองผดุงกรุงเกษม เพราะชื่นชอบความอ่อนโยนของสมเด็จย่าที่มีต่อรัชกาลที่ 9
ที่เคาน์เตอร์ในร้านจะเห็นประติมากรรมนูนสูง เป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกอดสมเด็จย่า ทำจากผงกระเบื้องพระวิหารในวัดพระแก้ว
โสภิสาเล่าว่า กว่าจะมาเป็นเจ้าของร้านเองต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ผ่านช่วงเวลาเหนื่อยยากมาได้โดยหันเข้าหาพระพุทธศาสนา กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ถือคติความพากเพียร อดทน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตัวเอง และเหนือสิ่งอื่นใดจะระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมพสกนิกรตามถิ่นทุรกันดาร เราลำบากแค่นี้ยังน้อยนิด ยังต้องท้ออีกหรือ
พร้อมเดินตามรอยพระจริยวัตรของสมเด็จย่าที่ทรงเลี้ยงพระราชธิดาและพระราชโอรสโดยพระองค์เอง ต้องทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ เลี้ยงลูกโดยลำพัง
“รักพระเจ้าอยู่หัวมาก พระวิริยอุตสาหะของพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน เสียใจมากพอรู้ว่าพระองค์เสด็จสวรรคต” โสภิสากล่าว
ขณะที่ คุณปู่จำเนียร รอดสดใส อดีตข้าราชการทหารม้ารักษาพระองค์ วัย 82 ปี เปิดร้านตัดผม ช.เสน่ห์ชาย มานานกว่า 50 ปี ที่ฝั่งภาษีเจริญ กทม. ประดับพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 9 รัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ โดยเผยว่า สถาบันพระมหากษัตริย์คือชีวิตจิตใจของประชาชนชาวไทย พ่อแม่ปู่ย่าตายายพูดตั้งแต่สมัยเด็กๆว่า ในหลวงทรงเป็นแก่นแท้ของหัวใจคนไทย พระองค์ทรงสอนและแนะนำอะไรให้ปฏิบัติตามแล้วจะดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพลังให้ตน พระองค์ทรงลำบากขนาดนี้ แล้วตนลำบากแค่นี้จะต้องทำให้ได้
“ชอบดูข่าวในพระราชสำนักและฟังพระบรมราโชวาท โดยเฉพาะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อีกทั้งเกี่ยวข้องกับอาชีพช่างตัดผม เพราะรายได้ไม่ดีเท่าไรนัก ต้องประหยัดและไม่ฟุ้งเฟ้อ”ปู่จำเนียรกล่าว
“ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนมีพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เช่นเดียวกับร้านตัดผมทุกร้านที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงขณะที่พระราชมารดาปลงเส้นพระเกศา เป็นภาพที่แทนความรู้สึกได้เป็นอย่างดี พระองค์ทรงงานอย่างหนัก ขณะทรงพระประชวรยังทรงงานอย่างไม่มีวันหยุด เพื่อพสกนิกรชาวไทยอยู่ดีมีสุขจนถึงทุกวันนี้”
คำกล่าวของช่างตัดผมจากย่านบางกรวย นนทบุรี วัย 42 ปี นายวรเชษฐ์ มะกรูดทอง ขณะเดินแถวเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมกอดพระบรมฉายาลักษณ์สำคัญของช่างตัดผมภาพนี้ไว้แนบอก
