คอลัมน์ สดจากเยาวชน

“การแล่นเรือใบ สอนให้คนคิดเอง ทำเอง ว่าลมมาทางไหน…ถ้าเราแล่นเรือเป็น ดูทิศทางลมเป็น…แล้วนำมาใช้ในชีวิต เด็กไทยจะรู้จักและเข้าใจในการคิดเอง ทำเอง” ความตอนหนึ่งของพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9

เพื่อร่วมสำนึกในพระมหา กรุณาธิคุณ บริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด ผู้ผลิตน้ำมะพร้าวแท้ 100% ตรา “โคโค่แม็ก” (Cocomax) ร่วมสนับสนุนทีมเรือใบจากโรงเรียนนายเรือ ภายใต้การนำทีมของ โค้ชหลิม นาวาตรีวีรสิฏฐ์ พวงนาค อดีตโค้ชทีมชาติไทยจนสามารถทำคะแนนนำมาเป็นอันดับที่ 4 ในประเภทเรือใบใหญ่คีลโบ้ตและมัลติฮัลล์ รุ่นไออาร์ซี 2 จากการแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทานภูเก็ตคิงส์คัพ รีกัตต้า ครั้งที่ 30 ประจำปี 2559 ที่กะตะบีช รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดภูเก็ต เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีทีม เรือใบและเรือยอชต์มากกว่า 200 ลำ พร้อมนักกีฬาชาวไทยและต่างชาติกว่า 30 ประเทศ รวมกว่า 1,500 คน เข้าร่วมการแข่งขัน

โค้ชหลิม เปิดใจว่า ผลการแข่งขันที่ออกมารู้สึกภูมิใจในตัวเด็กๆ ทุกคนทำได้ดีมาก แม้เราจะเป็นทีมเรือใบน้องใหม่ที่เพิ่งจะฟอร์มทีมกันเป็นครั้งแรก การลงแข่งขันในครั้งนี้ทุกคนมีตำแหน่งหน้าที่ของตนเอง ระหว่างการฝึกซ้อมและการแข่งขันทุกคนต้องคอยสังเกต เรียนรู้หน้าที่และสิ่งรอบตัว หากเกิดเหตุสุดวิสัยหรืออุปสรรคที่ทำให้คนใดคนหนึ่งไม่สามารถทำหน้าที่ได้ คนอื่นๆ ต้องทำหน้าที่แทน ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ เพราะความท้าทายของกีฬาเรือใบคือต้องเรียนรู้ เข้าใจ และต่อสู้กับธรรมชาติ ทั้งกระแสคลื่น ทิศทางลม และแข่งขันกับจิตใจของตัวเอง

ด้านนักกีฬาเรือใบโรงเรียนนายเรือ พี่ใหญ่ของทีม ชาวสัตหีบ จังหวัดชลบุรี นันท์ พัทธนันท์ บรรเริงเสนาะ อายุ 23 ปี นักเรียนนายเรือ ชั้นปีที่ 4 มีหน้าที่ควบคุมเชือกเรือบริเวณกลางลำเรือ หรือเรียกตามภาษากีฬาเรือใบว่าตำแหน่งคีย์บอร์ด เล่าว่า ตอนเด็กๆ เคยดูหนังเกี่ยวกับโจรสลัด สงสัยว่าเรือจะแล่นได้อย่างไรจากลมที่พัดมา รู้สึกตื่นเต้นมากว่าเรือเดินทางอย่างไร ลมมาทางนี้มันจะสวนกระแสลมขึ้นไปได้อย่างไร ประกอบกับเรือใบเป็นกีฬาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 โปรด ยิ่งทำให้อยากเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท

“จนวันหนึ่งมีเพื่อนแนะนำว่าถ้าอยากเล่นเรือใบให้ไปที่หาดสัตหีบ จะมีคนสอน ก็เลยลองไปหัดเล่นและแล่น เมื่อมีโอกาสมาเข้าโรงเรียนนายเรือก็สมัครเข้าชมรมแล่นเรือใบ ได้มาเล่นเรือใบตามที่ฝันไว้”

อดีตนักกีฬาเหรียญทองกองทัพเรือเล่าถึงความท้าทายของการเล่นเรือใบว่า “ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสไว้ว่า การเล่นเรือใบคือการฝึกแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ถ้าเจอปัญหาต้องเรียนรู้ที่จะแก้ ค่อยๆ คิดทีละขั้นตอน การเล่น เรือใบฝึกให้คิดเป็นลำดับขั้น ส่วนเทคนิคและหัวใจสำคัญผมว่าอยู่ที่จินตนาการด้วย เราต้องจินตนาการว่าลมจะมาจากทิศไหน กระแสน้ำเป็นอย่างไร จะเจออุปสรรคอะไรบ้าง เส้นทางไหนน่าจะดีกว่ากัน”

ต่อกันที่พี่รองของทีม ซูโม่ สมัชญ์ ไทยานนท์ อายุ 21 ปี นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 3 ในตำแหน่งทริมเมอร์ (Trimmer) ของเรือ ซึ่งมีหน้าที่แต่ง ใบเรือและบังคับใบเรือให้สามารถรับลมได้ตลอดเวลา ย้อนอดีตให้ฟังว่า “ภูมิใจที่สุดคือแชมป์เอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศมาเลเซียประเภททีมเรือใบเล็ก กีฬาเรือใบช่วยฝึกการใช้ความคิด วางแผนทิศทางลมและกระแสน้ำ ในส่วนของการแข่งขันประเภทเดี่ยวต้องตัดสินใจเอง แข่งกับตัวเอง ส่วนการเล่นแบบทีมต้องอาศัยความสามัคคี มีกฎกติกาในการแข่งขัน ต้องหลบหลีกคู่ต่อสู้ ต้องพาทีมไปสู่ชัยชนะให้ได้ ภาคภูมิใจที่มีโอกาสเล่นกีฬาเรือใบซึ่งเป็นกีฬาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 โปรด ทรงมีพระปรีชาสามารถและประสบความสำเร็จในระดับสากล”

ปิดท้ายกันที่น้องเล็กของทีมโรงเรียนนายเรือ มายล์ นันทิพัฒน์ นิราศ อายุ 20 ปี นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 2 ในตำแหน่ง บาวแมน (Bowman) มีหน้าที่เซ็ตใบเรือให้พร้อมสำหรับการแข่งขัน เล่าว่า พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเรือใบเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้อยากเล่นกีฬาเรือใบ ข้อดีของการเล่นประเภทเดี่ยวคือฝึกการนำเรือ ดูกระแสน้ำ ทิศทางลม ต้องใช้การตัดสินใจด้วยตนเอง ส่วนการเล่นเป็นทีมเป็นการฝึกทีมเวิร์ก ทุกคนต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สังเกตและเรียนรู้การทำหน้าที่อื่นๆ ของเพื่อนร่วมทีม

“เชื่อว่าคนที่ไม่เคยเล่นกีฬาเรือใบ ถ้าได้มาลองแล้วจะรักเรือใบแน่นอน ถึงจะเหนื่อยแต่สนุกเพราะเราต้องเล่นและสู้กับธรรมชาติ การเล่นเรือใบในแต่ละครั้งจะเจอปัญหาที่แตกต่างกันออกไป เป็นกีฬาที่ฝึกการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างแท้จริง” มายล์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน