คอลัมน์ ข่าวสดสตรี

“ฉันรู้จักตัวเอง ฉันรักและให้อภัยตัวเอง ฉันรับผิดชอบชีวิตตัวเอง…”

เสียงประสานหนักแน่นจากแดนขังหญิงเรือนจำแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตากในเช้าวันหนึ่ง

3 ประโยคที่กล่าวมา เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจให้ผู้ต้องขังหญิงกว่า 20 คน ที่มาร่วมกิจกรรม “สู่วิถีชีวิตที่เข้มแข็ง และเบิกบานใจ” อีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ จากโครงการ “Coaching For Thailand” และเป็นส่วนหนึ่งของ “การประชุมพันธมิตรโค้ชแห่งเอเชียแปซิฟิก 2017” ที่ประเทศไทย โดยกลุ่ม บริษัท จิมมี่ เดอะ โค้ช (Jimi The Coach Group หรือ JTCG) จะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 พ.ค.นี้

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ทาง JTCG และโครงการกำลังใจ โดยสำนักกิจการในพระราชดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ร่วมกันเดินหน้าสร้างความสุขและพัฒนาศักยภาพให้กลุ่มผู้ต้องขังหญิงที่ใกล้พ้นโทษ ภายในเรือนจำอำเภอแม่สอด จำนวน 20 คน ด้วยการแบ่งปันทักษะไลฟ์โค้ช (Life Coach) ที่จะช่วยสร้างความเข้าใจและดึงศักยภาพดีๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในตนเอง เพื่อให้มีทักษะชีวิต เข้มแข็ง และมีกำลังใจ พร้อมก้าวออกไปใช้ชีวิตนอกเรือนจำ

โค้ชจิมมี่ พจนารถ ซีบังเกิด ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง JTCG กล่าวว่า “การพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ภายในตัวตนของผู้ต้องขังหญิงแต่ละคนผ่านทักษะไลฟ์โค้ช เราทำเพื่อให้เขาเข้าใจตนเอง เข้าถึงทรัพยากรที่ดีในตนเอง ตระหนักในคุณค่าของตนเอง สามารถใช้ทักษะชีวิตในการดำเนินชีวิตประจำวันและมีทัศนคติที่ดีในการใช้ชีวิต จะทำให้เขาเติบโตและแข็งแรงจากภายในไปพร้อมๆ กับการอยู่ร่วมกับครอบครัว เพื่อน กัลยาณมิตร และสังคมไทย ด้วยความมั่นใจ อิ่มเอม และมีความสุข”

สองผู้ต้องขังหญิงเรือนจำแม่สอดร่วมเปิดใจ คนแรกคือ นิด (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ต้องโทษคดียาเสพติด เล่าว่า วันแรกที่เข้ามาอยู่ในเรือนจำแม่สอด ทั้งตกใจ เสียใจ ทุกอย่างแปลกไปหมด ชีวิตตอนนั้นมันแย่สุดๆ อยากร้องไห้กับทุกความผิดพลาดที่ทำลงไป หลังเข้ามาอยู่ในเรือนจำแม่สอดได้ประมาณ 4 เดือน ก็เริ่มปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ภายในรั้วแน่นหนาแห่งนี้ เริ่มมีเพื่อนคุย และทบทวนความผิดของตนเอง

“เมื่อเราพลาดไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือเราต้องยอมรับและชดใช้มัน วันนี้ที่ได้มาเรียนรู้เรื่องการโค้ชทำให้หนูรู้จักตัวเอง รู้ว่าเราเป็นใคร เราเชื่ออะไร และเรามีสิ่งดีๆ อะไรที่ซ่อนอยู่ในตัวบ้าง ทำให้หนูมีความหวัง หวังที่จะเป็นคนดี สร้างสิ่งดีๆ ให้คนอื่น รวมทั้งรู้จักรักและให้อภัยตัวเองมากขึ้น”

เป้าหมายชีวิตที่นิดวางไว้ในอนาคต คือการมีร้าน เบเกอรี่เล็กๆ เป็นของตัวเอง ด้วยความรู้ที่ร่ำเรียนมาและการมีโอกาสมาต่อยอดทักษะการทำขนมจากชั่วโมงเรียนทำขนมในเรือนจำ

สำหรับ ฟ้า (นามสมมติ) วัย 33 ปี อดีตเจ้าของธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับการขนส่งสินค้า แต่ชะตาพลิกผันเมื่อคู่ค้าที่ทำธุรกิจด้วยกันนำรถยนต์ที่จดทะเบียนในชื่อเธอไปใช้ขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย หลังถูกตัดสินรับโทษ เธอใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำด้วยความทุกข์ใจ แต่เมื่อผ่านไปนานเข้าๆ ได้พูดคุยกับคนอื่นๆ และเห็นคนใหม่ๆ เดินเข้าเรือนจำด้วยปัญหาที่หนักกว่าและร้ายแรงกว่า เธอจึงพยายามให้กำลังใจคนอื่นๆ เพื่อให้ทุกคนมีความสุขมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนคือจากภาพภายนอกที่เธอคือผู้สร้างกำลังใจให้คนอื่น ภายในเธอคือหญิงสาวที่ไม่สามารถให้กำลังใจตัวเองได้อีกแล้ว

“เมื่อได้มาเข้ากิจกรรมการโค้ชในครั้งนี้ทำให้หนูรู้จักตัวเองและเข้าใจความต้องการของตัวเองมากขึ้น และค้นพบว่าจริงๆ แล้วคนที่ไม่เคยให้อภัยหนูเลย ก็คือตัวเราเอง อย่างที่โค้ชสอนค่ะ คนเราพลาดได้ แต่ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับมันและก้าวข้ามมันไปให้ได้ หนูจึงหันกลับไปมองหากำลังใจตัวเอง พยายามกอดและบอกรักตัวเองให้มากๆ เพื่อให้เราเข้มแข็งมากพอ จนถึงวันที่หนูสามารถกลับไปมีชีวิตปกติอีกครั้ง

หนูได้เรียนวิชาชีพหลายๆ อย่างมาจากในเรือนจำ โดยเฉพาะการดูแลและพยาบาลผู้สูงวัย หนูจึงตั้งใจไว้แล้วว่าจะนำความรู้ที่ได้ออกไปใช้ทำมาหากิน และดูแลพ่อกับแม่ให้ดีที่สุด ตอนนี้หนูมีกำลังใจและเชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้แน่นอน” ฟ้ากล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน