เปิดแล้ว‘ครัวไทยสู่ครัวโลก’

ชูเอกลักษณ์-มาตรฐาน-สร้างอาชีพ

เปิดแล้ว‘ครัวไทยสู่ครัวโลก’ – ด้วยรสชาติยังเป็นที่ติดอกติดใจ มัดใจชาวต่างชาติได้อยู่หมัด ทำให้อาหารไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ

เปิดงาน

ขณะเดียวกันการรักษาเอกลักษณ์และมาตรฐานอาหารไทยถือว่าสำคัญอย่างยิ่งเพื่อครองใจคนกินได้อย่างยาวนาน

กระทรวงแรงงาน โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เจ้ากระทรวง เป็นหัวเรือใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะพ่อครัวและแม่ครัวไทย ให้ประกอบอาหารที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์คงความเป็นไทยและมีมาตรฐานเดียวกัน

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว

พร้อมทั้งผลักดันให้เกิดการจ้างงานสร้างอาชีพทั้งในและต่างประเทศ โดยมีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นฟันเฟืองสำคัญ จนเกิดเป็นโครงการส่งเสริมผู้ประกอบอาหารไทย “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ขึ้น และมีพิธีเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ โดยพล.ต.อ.อดุลย์ เป็นประธานเปิดงาน ทิ้งทวนเก้าอี้รมว.แรงงาน ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม

“อาหารไทยเป็นที่เชิดหน้าชูตาคนไทยมาตลอด สั่งสมกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายจนเป็นเอกลักษณ์ สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญคือเอกลักษณ์และรสชาติอาหารไทย การจัดโต๊ะอาหาร ช้อนส้อมสำรับอาหารไทย วันนี้จึงเป็นการประกาศศักดาให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่า อาหารที่สั่งสมจากบรรพบุรุษมาเป็นร้อยๆ ปี จนมีเอกลักษณ์นั้นเป็นอย่างไร วันนี้การสร้างมาตรฐานอาหารไทยคืออะไร หน้าตาเป็นอย่างไร รวมถึงรสชาติและการจัดภาชนะต่างๆ” นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวรายงานในพิธีเปิดโครงการ

พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวเปิดงาน พร้อมให้ข้อมูลร้านอาหารไทยในต่างประเทศว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้นำเรื่องครัวไทยสู่ครัวโลกไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมและทำให้เกิดการสร้างงานขึ้นให้ได้ ในวันนี้นโยบายที่ได้รับมอบหมายก็เป็นจริง ทำให้อาหารไทยออกสู่ครัวโลก ทำให้เกิดการสร้างงานขึ้นมาได้

“ประเทศไทยมีชื่อเสียงเรื่องอาหารมายาวนาน และยังเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลก อาหารไทยหลายอย่างชื่อชั้นเมนูติดระดับโลก เช่น แกงมัสมั่น ต้มยำกุ้ง ผัดไทย แกงเขียวหวาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรที่ใช้ในการปรุงอาหารด้วย

“จากการสำรวจพบว่าที่ยุโรปในเวลานี้มีร้านอาหารไทยกว่า 2,000 แห่ง ขณะที่ทั่วโลกมีร้านอาหารไทยกว่า 20,000 ร้าน และยังมีพ่อครัวคนไทยอยู่ในที่ต่างๆ 168 แห่งทั่วโลก และเท่าที่ทราบยังมีเรือสำราญอีก 55 ลำ ที่จ้างพ่อครัวแม่ครัวไทยไปประกอบอาหาร โดยมีรายได้เดือนละ 40,000-90,000 บาท สร้างรายได้ส่งกลับประเทศกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี” รมว.แรงงานเผย

นอกจากนี้ รมว.แรงงาน ยังเผยถึง เป้าหมายว่า กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน (มติชนอคาเดมี) ตั้งเป้าพัฒนาผู้ประกอบอาหารไทยกว่า 15,700 คน

ประกอบด้วย การฝึกอบรมผู้ประกอบอาหารไทย 13,000 คน ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานสาขาผู้ประกอบอาหารไทย 2,500 คน และฝึกอบรมผู้ประกอบการอาหารไทยมืออาชีพ (Professional Thai Chef) จำนวน 200 คน

สําหรับกิจกรรมภายในงานเรียกว่าจัดเต็ม ทั้งจัดแสดงและสาธิตการปรุงอาหารไทยที่นิยมของชาวต่างชาติ 10 เมนู ได้แก่ มัสมั่น ผัดไทย แกงเขียวหวานไก่ ต้มยำกุ้ง ต้มยำไก่ พะแนงหมู หมูสะเต๊ะ ส้มตำ ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเปาะเปี๊ยะทอด นอกจากนี้ยังมีเมนูขนมไทยที่ชาวต่างชาตินิยม อย่างข้าวเหนียวมะม่วง และทับทิมกรอบ ด้วย

กิจกรรมที่เป็นไฮไลต์ คือ อบรม Professional Thai Chef จำนวน 1 รุ่น มอบเงินรางวัลและเกียรติบัตรแก่ผู้ชนะการประกวดแข่งขัน แกงมัสมั่นไก่ (World Best Food Dish by CNN) มอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานระดับ 1 ที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 400 คน สาธิตการประกอบอาหารไทยโดยเยาวชนที่เข้าร่วม World Skill Kazan2019

อ.สุกัญญา หมื่นวิเศษ เจ้าของสูตรมัสมั่น

รวมถึงสาธิตการทำแกงมัสมั่นไก่ฉบับออริจินัล ตำรับวังยะหริ่ง โดย อ.สุกัญญา หมื่นวิเศษ เจ้าของสูตร “แกงมัสมั่นไก่ตำรับวังยะหริ่ง” ซึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ร่วมปรุงแกงมัสมั่นให้ลองลิ้มชิมรสกันด้วย

พล.ต.อ.อดุลย์ ปรุงแกงมัสมั่น ตำรับวังยะหริ่ง

แกงมัสมั่นสูตรดั้งเดิมนี้ อ.สุกัญญา เรียนรู้และหัดทำจากเจ้านายฝ่ายหญิงในวังยะหริ่ง มีความพิถีพิถัน และคงคุณภาพด้วยวัตถุดิบอย่างดี

อีกกิจกรรมที่มีผู้สนใจกว่า 300 คน คือ การอบรมประกอบอาหารไทย 15 เมนูฟรี ผู้เข้ารับการอบรมต่างประทับใจในสูตรและรสชาติอาหาร

น.ส.ญาณิศา แก้วเชียงหวาน

น.ส.ญาณิศา แก้วเชียงหวาน อายุ 50 ปี ชาวจ.นนทบุรี อาชีพช่างเย็บผ้า ลงเรียนหลักสูตรข้าวเหนียวหมูฝอย บอกว่า ทราบข่าวจากเฟซบุ๊กศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานนนทบุรี สนใจเรียนเมนูหมูฝอยเพราะทำแล้วเก็บได้นาน ขายง่าย เป็นอาหารที่กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ยิ่งใกล้เปิดเทอมเหมาะกับเป็นอาหารเช้าของนักเรียน ดูจากลูกๆ ที่บ้าน ชอบกินข้าวเหนียวหมูฝอย และผู้ใหญ่ก็ชอบกิน

“ปกติทำอาชีพเย็บผ้า แต่ช่วงหลังปวดเข่า สายตาไม่ดี เลยอยากทำอาหารขาย ที่เรียนวันนี้น่าจะทำขายได้ ไม่ยากเท่าไหร่ ครูมีเทคนิคในการสอนดี ดีใจที่กระทรวงแรงงานจัดโครงการดีๆ อย่างนี้ เพราะทำให้เรานำไปประกอบอาชีพได้” น.ส.ญาณิศา กล่าว

น.ส.จิรวดี พิพัฒนติกานันท์

ด้าน น.ส.จิรวดี พิพัฒนติกานันท์ อายุ 38 ปี ชาว กทม. เจ้าของธุรกิจโรงงานผลิตเคมีเกี่ยวกับการล้าง ลงเรียนหลักสูตรไส้อั่ว เผยว่า ทราบข่าวการอบรมจากพี่ที่เรียนทำอาหารด้วยกัน ตอนแรกที่เรียนทำอาหาร เพราะมีอาหารที่เราชอบกิน เลยสนใจมาสมัคร อีกเมนูที่อยากเรียนคือข้าวเหนียวมูนหน้าต่างๆ

“กระทรวงแรงงานจัดโครงการนี้ถือว่าดีมาก ทำให้คนที่ไม่มีรายได้ นึกไม่ออกว่าจะทำอะไร ได้มีอาชีพ รวมถึงอาหารไทยมีเอกลักษณ์ในเรื่องรสชาติ ความพิถีพิถัน ประณีต ละเอียดอ่อน มีส่วนประกอบของสมุนไพร ปกติเดินทางไปต่างประเทศบ่อย พบว่าอาหารไทยในต่างประเทศขายดีและราคาสูง” น.ส.จิรวดีกล่าว

นางวสุ ขัณฑ์เพชรางกูร

ขณะที่ นางวสุ ขัณฑ์เพชรางกูร อายุ 59 ปี ชาวจ.สุโขทัย เป็นแม่บ้าน เรียนหลักสูตรหมูปิ้ง บอกว่า อยากเอาสูตรไปทำกินเอง เพราะลูกชายเคยทำหมูปิ้งกินเอง จะได้มาเปรียบเทียบกัน เป็นคนละสูตร พอได้มาเรียนหลักสูตรนี้ยอมรับว่าอร่อย

“โครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ดีสำหรับคนที่ไม่มีอาชีพ คนที่มีใจรัก และมีความตั้งใจประกอบอาชีพ เหมือนกับให้เขามีวิชาความรู้ติดตัว เอาไปทำมาหากินได้ แต่ถ้าพรสวรรค์ไปถึงจุดที่เขาจะสามารถไปสู่ครัวโลกได้ ก็เป็นการเปิดโอกาสในมุมกว้างขึ้น อยากให้มีการสานต่อโครงการอย่างนี้ไปเรื่อยๆ” นางวสุเผย

น.ส.พัชรัตน์ มุกสิกวุฒิ

ส่วน น.ส.พัชรัตน์ มุกสิกวุฒิ อายุ 32 ปี ชาว กทม. อาชีพขายของออนไลน์ ผู้เรียนหลักสูตรชานมไข่มุก บอกว่า มาเรียนเพราะสนใจจะไปเปิดร้านขาย ปกติขายเสื้อผ้าออนไลน์อยู่ อยากให้มีการสานต่อโครงการนี้ เพราะเป็นการช่วยสร้างอาชีพ สำหรับคนไม่มีอาชีพ

โครงการส่งเสริมผู้ประกอบอาหารไทย “ครัวไทยสู่ครัวโลก” จึงเป็นโครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ และยังรักษาเอกลักษณ์และมาตรฐานอาหารไทย เพื่ออวดโฉมสู่สายตาชาวโลกอย่างภาคภูมิ!!