‘จดหมายลาครู’ ช่วยหนูกลับโรงเรียน
คอลัมน์ สดจากเยาวชน
‘จดหมายลาครู’ – “เรียน คุณครูบอยที่เคารพ ผมขอโทษที่ไม่ได้ทำตามที่ครูบอก ผมสงสารแม่ที่ต้องทำงานหาเงินอยู่คนเดียว ถ้าผมไปเรียนก็ไม่มีใครช่วยแม่ ผมขออนุญาตลาหยุดไปช่วยแม่เก็บลำไย ผมไม่รู้ว่าจะได้กลับมาโรงเรียนอีกเมื่อไหร่ ขอบคุณครูที่ช่วยเหลือมาตลอด
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ด.ช.พงศกร อาสาพิทักษ์ไพร“
เนื้อความในจดหมายลาครูของ น้องแดง ด.ช.พงศกร อาสาพิทักษ์ไพร อายุ 13 ปี นักเรียนโรงเรียนบ้านนาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ สะท้อนปัญหาของเด็กไทยอีกนับล้านคนที่ต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แถลงข่าวโครงการรณรงค์ “จดหมายลาครู” ความร่วมมือแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำทางการศึกษา คืนเด็กๆ กลุ่มเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษากลับสู่โรงเรียน ภายในงานมีการแสดงนิทรรศการ “จดหมายลาครู” จาก 7 พื้นที่ 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศ ที่สวนเฉลิมหล้า สะพานหัวช้าง กรุงเทพฯ
นายนพรัตน์ เจริญผล ครูโรงเรียนบ้านนาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เล่าว่า น้องแดง จบป.6 โรงเรียนบ้านใบหนา พบน้องแดงเดินเล่นอยู่แถวโรงเรียน เกิดสงสัยว่าทำไมไม่ไปโรงเรียนจนทราบว่าเด็กไม่อยากไปเรียนเพราะเดินทางลำบาก และจะออกไปช่วยแม่รับจ้างทำงานเพราะที่บ้านฐานะยากจน ผนวกกับช่วงนั้นพ่อน้องแดงเพิ่งเสียชีวิต จึงคิดว่าต้องให้น้องแดงได้เรียนต่อ เลยพูดกล่อมให้กลับไปเรียนและย้ำว่าอย่างน้อยขอให้จบ ม.6 มีประกาศนียบัตรติดตัวไป ตอนนี้น้องแดงเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านนาเกียน
“ครอบครัวของน้องแดงมีรายได้เฉลี่ยไม่ถึง 500 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่รับจ้างทำไร่ แบกกะหล่ำปลี รายได้ไม่แน่นอน ตอนนี้มีเด็กเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษาอีกประมาณ 2 ล้านคน พยายามติดตามเด็กๆ กลับมาเข้าเรียนให้ได้ตามปกติ ส่วนใหญ่สาเหตุมาจากความยากจนทำให้เด็กส่วนใหญ่ต้องหยุดเรียน และกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ใน อ.อมก๋อย เด็กนักเรียนมีฐานะยากจน
ตอนนี้มีเด็กนักเรียนหลายคนเขียนจดหมายลาครูไปปลูกข้าว ไปเก็บเห็ดเผาะ เนื่องจากตรงกับช่วงฤดูปลูกข้าวพอดี เป้าหมายหลักต้องการนำเงินมาจุนเจือครอบครัว เด็กๆ มีความจำเป็นต้องออกไปหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว ทำให้ทุกปีเสี่ยงที่จะมีเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษาตลอด” นายนพรัตน์กล่าว
นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า โครงการรณรงค์จดหมายลาครู ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของนักเรียนด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกลซึ่งต้องลาออกไปหารายได้ จากฐานข้อมูล กสศ. และกระทรวงศึกษาธิการ พบว่าปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กนักเรียนมากกว่า 2 ล้านคน ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวที่มีปัญหาความยากจนและมีความเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษา
อุปสรรคสำคัญที่ทำให้นักเรียนไม่ไปโรงเรียน เช่น ความห่างไกลของสถานศึกษา ไม่มีค่าเดินทาง ไม่มีค่าอาหาร หรือมีความจำเป็นต้องออกไปทำงานแบ่งเบาภาระครอบครัว เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำดังกล่าว ในปีการศึกษา 2562 กสศ. ขยายความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ในโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขสำหรับนักเรียนทุนเสมอภาค
คาดว่าในปีนี้จะมีเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และมีคุณสมบัติตามเกณฑ์การคัดกรอง ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อขจัดอุปสรรคในการมาเรียนเพิ่มขึ้นจากเดิม 510,000 คนในปีการศึกษาที่ผ่านมา เป็น 800,000 คน
“สิ่งสำคัญยิ่งกว่าเงินอุดหนุน คือการเยี่ยมบ้าน เพื่อค้นหา คัดกรองให้ได้กลุ่มเป้าหมายที่เดือดร้อนที่สุด จะเป็นการรวมพลังของคุณครูทั้ง 3 สังกัด กว่า 4 แสนคน และยังมีกระบวนการติดตามนักเรียนที่ได้รับเงินอุดหนุนอย่างใกล้ชิด ประชาชนทั่วไปสามารถมีส่วนร่วมส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษากับ กสศ. ได้ หากพบเห็นเรื่องราวของเด็กๆ เหล่านี้ แจ้งไปยังโรงเรียนหรือเขตพื้นที่การศึกษาในพื้นที่ รวมถึงสายด่วนกสศ. 0-2079-5475 กด 1” นพ.สุภกรกล่าว
โครงการรณรงค์ “จดหมายลาครู” ยังได้รับความร่วมมือจากกลุ่มเครือข่ายศิลปิน Street Art สร้างผลงานศิลปะบนกำแพงที่ได้แรงบันดาลใจจากจดหมายลาครูฉบับจริงของเด็กนักเรียน 7 พื้นที่ 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ อาทิ ที่สะพานหัวช้าง เจริญกรุง 32 สาธุประดิษฐ์ 52 หน้าห้างแฟรี่พลาซ่า จ.ขอนแก่น
นายอำนาจ อุ่นใจ เครือข่ายศิลปิน Street Art กล่าวว่าไม่เคยเห็นเรื่องราวแบบนี้ ทำให้สะกิดใจอยากช่วยเหลือและมีส่วนร่วม เพราะคิดว่าอย่างน้อยงานศิลปะบนกำแพงจะเป็นสื่อกลางช่วยสะกิดสังคมให้อะไรดีขึ้น เราอยากให้เด็กกลุ่มนี้มีความพร้อมทุกอย่าง แตกต่างกับอดีตที่ไม่มีมีสื่อช่วยสนับสนุน
“มุมเล็กๆ ที่ไม่เคยมีใครเห็นนี้จะสะท้อนเรื่องราวดีๆ ได้ แค่เราช่วยกัน” อำนาจทิ้งท้าย
ธีรดา ศิริมงคล
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง