คอลัมน์ หลอน

นทธี ศศิวิมล

มีเรื่องประหลาดๆ เกิดขึ้นที่แถวๆ บ้านผมครับ

เรื่องของเรื่อง แถวบ้านผมห่างไปไม่ไกล เป็นร้านรับซื้อของเก่า ทั้งรับซื้อและมีโรงงานอัด หลอม เหล็กใหญ่เป็นเรื่องเป็นราวเลย ก็เลยเป็นศูนย์รวมพ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อของเก่าทั้งหลายพากันมาขายที่นี่ ไม่ใช่แค่พวกที่ปั่นซาเล้งรับซื้อตามบ้านนะครับ บางทีพวกหน่วยงานราชการ ร้านค้า บริษัท เวลามีเคลียร์ของรายปี มีการจัดซื้อของใหม่เข้าก็จะโละของเก่าแล้วขนมาขายที่นี่เหมือนกันเพราะให้ราคาดี ยิ่งบางคนย้ายบ้าน โละของเก่าพวกจักรยานเก่า ตู้เย็นเก่า เหล็กคานต่อเติมเก่าที่ยังไม่มีสนิม ขนมาขายที่นี่ได้เงินเป็นพันเลยครับ

ล่าสุดที่มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นนี่ก็ ที่วัดในชุมชนนี่เองครับ คือทางวัดต้องการจะรื้อเมรุเก่าที่เก่าและชำรุดมากแล้ว เพื่อที่จะเคลียร์พื้นที่ก่อสร้างเมรุใหม่ ตามงบประมาณที่มีผู้ใจบุญช่วยกันเรี่ยไรมา ระหว่างการทุบทำลายก็ปรึกษากันไปว่า อะไรที่พอจะเอากลับมาใช้ใหม่ได้พวกหลอดไฟสายไฟก็เก็บไว้ บางอย่างไม่รู้จะเอาไปทำอะไรก็แยะเป็นขนทิ้งกับขนขาย ฝั่งที่ขนขายอันที่ดูจะเป็นเรื่องเป็นราวที่สุดก็น่าจะเป็นประตูเมรุเก่าที่ทำจากเหล็กกล้าขนาดใหญ่มีน้ำหนักมาก ที่ใช้งานปิดประตูเมรุเผาศพที่มาประกอบพิธีกรรมที่วัดนี้มาแล้วถ้าจะนับจริงคงเป็นพันศพ จะเก็บไว้ใช้ใหม่ทางผู้รับเหมาก่อสร้างเมรุใหม่ก็บอกว่าน่าจะใช้กันไม่ได้หรอก เพราะเมรุที่จะสร้างใหม่นั้นเป็นเมรุรุ่นใหม่ทันสมัย ใช้เตาเผาศพปลอดมลพิษ โดยใช้เชื้อเพลิงเป็นแก๊สแอลพีจี ต้องมีวัสดุอุปกรณ์เฉพาะ ที่จัดชุดมาด้วยกันเลย ใช้ประตูเหล็กแบบโบราณไม่ได้

วันที่ผมเห็นพวกทางวัดขนประตูใส่ท้ายรถกระบะมา ผมยังนึกเลยว่า ประตูเหล็กกล้าล้วนขนาดนี้ หนักและใหญ่ขนาดผู้ชายตัวโตๆ ต้องช่วยกันยกห้าคน ขนาดนี้ต้องราคาหนักแน่ๆ แล้วผมก็คาดไม่ผิด ราคามันกว่าห้าพันบาท เจ้าของร้านรับซื้อขยะไม่ต่อสักคำเดียว เพราะอยากให้เอาเงินค่าประตูไปร่วมทำบุญกับทางวัดด้วย แล้วก็รับเอาประตูนั้นมาวางเอาไว้ที่ลานคัดแยกขยะกองเดียวกับบรรดาเหล็กเก่าที่รับซื้อมาในวันเดียวกัน

คืนนั้นเองครับ ที่คนแถวละแวกบ้านเดียวกับผมหลายคนพูดตรงกันว่า ถนนหน้าบ้านเส้นเดียวกับร้านรับซื้อของเก่า มีคนเดินไปเดินมากันคึกคัก และเหมือนมีเสียงคนพูดคุยกันด้วย จนกระทั่งหลายบ้านพากันเดินออกมาชะโงกดู แต่ก็ไม่เจอใคร บางคนเปิดบ้านออกมาหลายรอบด้วยความงงงวย แต่บ้านที่รู้ว่ามีการรับซื้อประตูเมรุจากวัดต่างพากันปิดประตูเงียบเชียบไม่กล้าออกมาดู

บ้านผมเองก็ได้ยินครับและก็เป็นหนึ่งในคนที่รู้ว่าประตูเมรุมาอยู่ตรงนี้เลยไม่กล้าออก ยังคุยกับแฟนว่าทางวัดสงสัยไม่ได้ขนมาแค่ประตูแล้วละแบบนี้ ไม่รู้ว่าทางร้านเขาจะทำยังไงนะ ของแบบนี้

เช้าวันต่อมาแค่พอแดดออกเท่านั้น แต่ละคนก็ออกจากบ้านมาคุยกันถึงเรื่องเสียงเมื่อคืน และพากันเดินไปที่ร้านรับซื้อของเก่า ถามว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นบ้างหรือไม่ เจ้าของร้านซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีนและเป็นคนธรรมะธัมโมก็ออกมาบอกว่า ที่บ้านแกพอรู้ว่าวัดจะเอาประตูเมรุมาขายก็เตรียมใจกันไว้ระดับหนึ่งแล้ว ว่าอาจจะมีอะไรตามมาด้วย แต่เมื่อคืนนี้ก็นอนกลัวกันแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน แกเลยว่าจะขอเอาไปคืนที่วัด

ผมเองวันนั้นไม่มีธุระอะไรที่ไหนก็เลยติดตามข่าวเรื่องนี้ไปด้วย ปรากฏว่าไปที่วัดพวกทีมงานที่วัดก็บอกว่าเรามีเจตนาดีไม่ได้ลบหลู่คงไม่น่ามีอะไร ให้รีบหล่อประตูเป็นเหล็กแล้วก็ส่งโรงงานรีไซเคิลอะไรต่อไปเถอะ พี่เจ้าของร้านเป็นคนไม่คิดมากก็เออออไป

แต่ปรากฏยังไงไม่ทราบ เครื่องหลอมเหล็กของโรงงานวันนั้นเกิดมีปัญหาขึ้นมา ซ่อมยังไงก็ไม่หาย ช่างว่าต้องไปหาอะไหล่ในตัวเมือง ซึ่งก็ต้องรอวันรุ่งขึ้นถึงน่าจะซ่อมเสร็จ ให้รอก่อน ตอนนั้นก็เย็นมากแล้วใครจะไปทำอะไรได้ล่ะครับ ก็ต้องวางประตูนั่นไว้ที่เดิมต่อไปอีกวัน

ทีนี้แหละ คืนที่สองนี่แหละ หนักเลย เพราะนอกจากจะมีเสียง มีเงาคนเดินไปเดินมาแล้ว ยังมีคนได้ยินเสียงเปิดปิดประตูเมรุเอี๊ยดปัง เอี๊ยดปังด้วย และพี่เจ้าของร้านกับแฟนก็บอกว่าได้กลิ่นเหม็นเหมือนเนื้อไหม้ฟุ้งตลบเป็นพักๆ แกกลัวจนจะหนีออกจากบ้านตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าลงมาเพราะเห็นเงาคนเดินไปมาในตัวบ้าน ชั้นล่าง

เช้าวันต่อมา คราวนี้พี่เจ้าของร้านไม่รออะไรแล้ว รีบบุกไปที่วัดนิมนต์พระเร่งด่วนแทบจะอุ้มกันมา มาทำพิธีสวดถอนที่บ้านพร้อมกับให้คนงานช่วยกันขนบานประตูเมรุขึ้นรถกลับไปคืนที่วัดโดยไม่ขอเงินคืนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทุกอย่างก็ปกติ ทุกวันนี้ประตูเมรุเก่าบานนั้นก็ยังตั้งอยู่ข้างกำแพงวัดตรงที่จะสร้างเมรุใหม่นี่แหละครับ ใครอยากชมจะแวะเข้าไปดูก็ได้ แต่ไปต้องกลางวันนะครับเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน