คำชมหรือคุกคาม! ‘คนสวย’ในวิถีเพศ

‘คนสวย’ในวิถีเพศ – ในการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างนโยบาย รัฐบาลที่ผ่านมา หนึ่งในประเด็นที่สังคมให้ความสนใจคือคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เรียกส.ส.หญิง น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ว่า “คุณพรรณิการ์คนสวย” โดย นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวท้วงติงทันทีว่าอย่าใช้คำนี้ ขณะที่น.ส.พรรณิการ์ประท้วงให้นายกฯ ถอนคำพูด เพราะสภาเป็นที่ที่ควรปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ยอมถอนคำพูดในที่สุด

เรื่องดังกล่าวเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ในสังคมวงกว้างโดยเฉพาะโลกออนไลน์ มองว่าการเรียกผู้หญิงเช่นนี้เสมือนคุกคามทางเพศอย่างหนึ่ง นักสิทธิสตรีมีความเห็นในประเด็นนี้เช่นกัน

 

นางศิริพร สะโครบาเนค ประธานมูลนิธิผู้หญิง กล่าวว่า การประชุมสภาถือเป็นเวทีระดับชาติที่ไม่ควรมีการกล่าวชมหรือเรียกส.ส.คนใด ว่า “คนสวย” สะท้อนถึงการมองผู้หญิงของผู้ชาย นายกฯ อาจกล่าวโดยไม่ได้คิดอะไรแต่ต้องมองถึงกาลเทศะ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากเรียกกันตามท้องถนนทั่วไปอาจเป็นเรื่องเป็นราวได้

“นายกฯ อาจจะไม่เข้าใจตรงนี้ ไม่ละเอียดอ่อนพอ เพราะเรื่องพวกนี้ถือเป็นการคุกคามทางเพศแบบอ่อนๆ คนที่ถูกเรียกอาจจะเป็นคนสวยจริงๆ แต่ก็ไม่ควรเรียกใครแบบนั้น ไม่ควรเรียกส.ส.ท่านใดแบบนั้นหากคำนึงถึงศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมกันจริงๆ คนทั่วไปอาจคิดว่าแค่นี้ไม่เห็นเป็นอะไร แต่มันสะท้อนได้อีกหลายสิ่ง” ประธานมูลนิธิผู้หญิงกล่าว

น.ส.อุษา เลิศศรีสันทัด ผู้อำนวยการมูลนิธิผู้หญิง กล่าวว่า กรณีนี้เป็นการมองแบบไม่เคารพสิทธิผู้หญิง คุกคามทางเพศ ผู้ถูกกระทำจำนวนมากรู้สึกอึดอัดใจที่ถูกเรียกแบบนี้ ต่อให้นายกฯ กล่าวขอโทษแล้วก็อาจ ไม่ช่วยอะไรมาก ผู้ที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีกลับไม่ละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ อีกทั้งที่ได้ยินก็ไม่มีนโยบายใดที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม ความเสมอภาคกัน หลายประเทศเห็นความสำคัญในเรื่องนี้มากและมีนโยบายด้านความเท่าเทียม บ้านเรามีช่องว่างต่างๆ เยอะ เราเป็นกลุ่มที่ถูกละเลย ไม่มีการรณรงค์ในเรื่องนี้ ทำให้ยังมีผู้หญิงจำนวนมากถูกคุกคามในลักษณะนี้ทั้งในที่ทำงานและตามท้องถนน

 

ผู้หญิงที่โดนกระทำเช่นนี้ควรร้องเรียน มีพื้นที่ให้ร้องเรียน มีพ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ ที่ผ่านมาก็มีผู้ร้องเรียนเช่นกันแต่มักจะเป็นผู้หญิงข้ามเพศ อยากให้ผู้หญิงจริงๆ กล้าร้องเรียนหากโดนกระทำไม่ถูกต้อง รัฐบาลควรมีกระทรวง มียุทธศาสตร์ ที่ผู้หญิงจะได้ประโยชน์ในเรื่องพวกนี้ คนที่มองว่าเรื่องแค่นี้ไม่เห็นเป็นอะไรไม่เข้าใจในมิติเรื่องนี้ ไม่เคยตกอยู่ในสถานะผู้ถูกกระทำ”

ขณะที่ นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า คำว่า “สวย” เป็นการมองผู้หญิงในมิติเดียว สะท้อนถึงการกดทับผู้หญิงอยู่ลึกๆ เหมือนเป็นโลกแบบเก่าในสังคมที่ชายเป็นใหญ่ แต่ในปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปแล้ว ผู้หญิงมีศักยภาพ มีสติปัญญา พัฒนาประเทศชาติได้ไม่ต่างจากผู้ชาย ทั้งยังเป็นการมองผู้หญิงกลุ่มเดียว การมองคนสวยเหมือนจำกัดว่าผู้หญิงต้องมีรูปร่างหน้าตาที่ดีเท่านั้น ทั้งที่จริงๆ แล้วอาจมีความหลายหลากทางหน้าตาและรูปร่าง แต่มีสติปัญญาและศักยภาพไม่ต่างกัน

“เมื่อนายกฯ ก้าวมาอยู่ในระบบรัฐสภาแล้วต้องมองให้กว้าง กว่านี้ คนทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญเรื่องความเท่าเทียมกันของทุกเพศ ถือเป็นกระแสสากล จะมองแบบนี้ไม่ได้ อาจต้องพิจารณาตัวเองให้ระวังถึงการไม่ให้เกียรติกันในสภาซึ่งมีผู้หญิงอยู่ จำนวนมาก ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเอง ทั้งยังตั้งโฆษกรัฐบาลเป็นผู้หญิงด้วย ก็ต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่”

คำกล่าวเช่นนี้ยังเกิดขึ้นในสังคมอยู่มาก ผู้มีอำนาจหรือเจ้านายพูดกับลูกน้อง เกิดจากการปลูกฝังแนวคิดผู้ชายเป็นใหญ่ การพูดลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นการคุกคามทางเพศ ควรพึงระวังกว่านี้

…อ่าน…

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน