สมัยนี้ใครอยากสวย อยากดูดี อยากหล่อ ก็ต้องมาศัลยกรรมความงามกัน อีกทั้งปัจจุบันราคาศัลยกรรมก็ไม่แพงมาก จับต้องได้ คลินิกก็มีให้เลือกมากมาย ใครอยากเสริม จมูก ทำตา ทำคาง ทำลักยิ้ม ก็จัดไปตามที่ชอบ แต่สำหรับการเสริมหน้าอก ทำนมอัพไซส์ ถือว่าเป็นศัลยกรรมยอดฮิตติดอันดับ 1-3 ผู้หญิงอยากศัลยกรรมมาตลอดทุกปี และก็เกิดปัญหาให้เห็นทุกปีด้วยเช่นกัน

วันนี้คุณหมอหลุยส์ นพ. พลเดข สุวรรณอาภา ศัลยแพทย์เฉพาะทางประจำ “จาเรมคลินิก” จะมาแนะนำให้ความรู้แก่สาวๆที่ต้องการเสริมหน้าอกว่าต้องรู้สิ่งสำคัญอะไรบ้างเกี่ยวกับการเสริมหน้าอก ก่อนตัดสินใจ

1.ชนิดของซิลิโคน

ซิลิโคนในอดีตจะมีแบบชนิดน้ำเกลือ และซิลิโคนเจล แต่ปัจจุบันซิลิโคนชนิดน้ำเกลือไม่มีขายในท้องตลาดแล้วหรือมีน้อยมาก และยังพบได้บ้างในต่างประเทศ สำหรับประเทศไทยก็จะมีแต่ชนิดซิลิโคนเจลเท่านั้น มีแบรนด์ต่างๆให้เลือกมากมาย อยากแนะนำให้ใช้ซิลิโคนที่ผ่านมาตรฐาน อย. ไทยและต่างประเทศเป็นหลัก เช่น ซิลิเมด ยูโร เมนเตอร์ โมติว่า ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็แตกต่างกันในเรื่องราคาและคุณภาพ ส่วนซิลิโคนที่ยังไม่ผ่านมาตรฐานก็อาจมีลักลอบนำเข้ามาใช้ในประเทศไทยอาจพบเจอได้บ้าง เนื่องจากราคาถูกกว่าแต่ในระยะยาวก็จะเกิดปัญหา แตกรั่ว พังผืด ได้มากกว่าเช่นกัน

2.ทรงซิลิโคน

แบ่งเป็นทรงหยดน้ำ ทรงกลม ทรงหยดน้ำจะมีลักษณะ เน้นความนูนด้านล่างของซิลิโคนให้เหมือนรูปทรงของนมปกติ อาจจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการเน้นทรงธรรมชาติ ไม่ใหญ่มาก แต่อาจจะไม่เหมาะในหน้าอกที่คล้อยอยู่แล้วจะทำให้หน้าอกคล้อยไปอีก ราคาจะแพงกว่าทรงกลม ส่วนซิลิโคนทรงกลมเป็นทรงที่นิยมมากในปัจจุบัน มีขนาดให้เลือกเล็กใหญ่หลายขนาด ราคาถูกกว่าทรงหยดน้ำ สำหรับผู้ที่เน้นความใหญ่ sexy ทรงกลมอาจจะตอบโจทย์ได้มากกว่าทรงหยดน้ำ

3.แผลผ่าตัด

แผลผ่าตัดหรือช่องทางที่จะนำซิลิโคนเข้าไปไว้ในร่างกาย ย้ำ “ช่องทางที่จะนำซิลิโคนเข้าไปไว้ในร่างกาย” แผลผ่าตัดไม่ได้แสดงถึงว่า เสริมเหนือกล้ามเนื้อ หรือ ใต้กล้ามเนื้อแต่อย่างไร

แผลทางรักแร้ – แผลทางรักแร้เป็นแผลยอดฮิตในอดีต เนื่องจากเชื่อว่าข้อดีของการผ่าตัดแผลทางนี้คือ มองไม่เห็นแผล แต่ปัจจุบันผู้หญิงใส่ชุดโชว์รักแร้มากขึ้น อาจจะซ่อนแผลไม่ได้เสมอไป ผ่าตัดทางรักแร้ส่วนใหญ่เป็นการผ่าตัดเหนือกล้ามเนื้อมากกว่าใต้กล้ามเนื้อเพราะผ่าตัดยาก ต้องใช้วิธีส่องกล้องร่วมด้วย เกิดมีเลือดคั่งมากกว่า และเกิดปัญหาราวนมไม่เท่ากันได้บ่อย

แผลทางปานนม – แผลทางปานนมมีข้อดีคือแผลเล็ก ถ้ารักษาได้ดีอาจจะมองไม่เห็นแผลเลย แต่อาจจะใส่ซิลิโคนได้ขนาดเล็กตามไปด้วย เสี่ยงบาดเจ็บต่อท่อน้ำนม และทำให้หัวนมชามากกว่าวิธีอื่น

แผลใต้ราวนม – แผลใต้ราวนมเป็นแผลที่นิยมมากในปัจจุบัน สามารถเลาะชั้นกล้ามเนื้อได้ดี จัดวางซิลิโคนได้ดีกว่าวิธีอื่นๆ แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องแผลเป็นเห็นชัดกว่าวิธีอื่น ต้องดูแลแผลอย่างถูกวิธีเพื่อลดแผลเป็นให้จางลงตามกาลเวลา

4.ตำแหน่งการวางซิลิโคน

แบ่งง่ายๆเป็น 3 ตำแหน่งคือ เหนือกล้ามเนื้อ ใต้กล้ามเนื้อ ใต้กล้ามเนื้อชนิดดูออลเพลน (Dual Plane)

เหนือกล้ามเนื้อ – วางซิลิโคน “เหนือกล้ามเนื้อ” แต่ “ใต้เนื้อนม” ข้อดีคือ ผ่าตัดง่าย สามารถใช้เพียงยาชา ไม่ต้องสลบ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อนมอยู่แล้วและต้องการการฟื้นตัวเร็ว ข้อเสีย อาจจะเกิดการหย่อนคล้อยได้เร็ว และเมื่อเวลาผ่านไป สามารถเกิดเป็นริ้วซิลิโคน คลำเจอ สะดุดขอบริ้วได้ง่าย และเห็นขอบซิลิโคนชัดเป็นบล็อก พบบ่อยในคนที่เนื้อนมน้อย

ใต้กล้ามเนื้อ – ใต้กล้ามเนื้อ 100% (ปัจจุบันถือว่าเป็นวิธีเก่า เพราะมีวิธี Dual plane แล้ว ซึ่งดีกว่า จะกล่าวต่อไป) วางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ 100% ข้อดีคือซิลิโคนจะอยู่ชั้นลึก เนียนดูเป็นธรรมชาติ ข้อเสีย ใส่ได้ไซส์เล็ก และขยับตามการเกร็งตัวกล้ามเนื้อหน้าอก

ใต้กล้ามเนื้อ DualPlane – ใต้กล้ามเนื้อ 50-70% บางส่วนอยู่เหนือกล้ามเนื้อ ข้อดีคือ สวยเนียนเป็นธรรมชาติ ใส่ได้ไซส์ใหญ่พอสมควร อีกทั้งไม่เกิดการขยับตามการเกร็งตัวกล้ามเนื้อหน้าอก ข้อเสีย ผ่าตัดยากต้องผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการผ่าตัดต้อง “ดมยาสลบ” ไม่สะดวกแก่ผู้ที่ต้องการฟื้นตัวเร็ว

5.การเลือกแพทย์ผ่าตัด

ปัจจุบันมีข่าวแพทย์เถื่อนหรือผ่าตัดเกิดปัญหาอยู่เรื่อยๆ แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลให้มาก อย่าหลงเชื่อเพียงแค่รีวิวมากมาย ให้พูดคุยปรึกษากับแพทย์ที่จะผ่าตัดเสริมหน้าอกให้เราโดยตรง สอบถามข้อสงสัยต่างเพื่อความมั่นใจ ที่สำคัญตรวจเช็คด้วยว่าเป็นแพทย์จริงๆ ไม่ใช่แพทย์ปลอม (ตรวจรายชื่อแพทย์ได้จากลิงค์นี้ https://www.tmc.or.th/check_md/)

6.เลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ติดตามดูอาการ

ถ้าใครคิดว่าเสริมอกทำนมไปแล้วจบ ถือว่าคิดผิด เราจำเป็นยังต้องตรวจติดตามอาการไปตลอด เนื่องจากปัญหาต่างๆสามารถเกิดขึ้น เช่น ปัญหาระยะสั้นและระยะยาว ปัญหาระยะสั้นได้แก่ แผลปริ แผลอักเสบ เลือดคั่ง น้ำเหลืองคั่ง ปวดบวม ฯลฯ ปัญหาระยะยาว เช่น แผลเป็น แผลคีลอยด์ หน้าอกแตกลาย พังผืด ฯลฯ แนะนำว่าควรเลือกคลินิกที่มีความรับผิดชอบดูแลรักษา ติดตามอาการ และให้คำแนะนำต่างๆได้ดี ทั้งนี้ผู้ที่เสริมหน้าอกไปแล้วก็ต้องดูแลตัวเอง ทำตามคำแนะนำของคลินิกอย่างจริงจังเช่นกัน เพราะการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดสำคัญมาก ไม่แพ้ขั้นตอนการผ่าตัดเลยทีเดียว

7.ทำนมแล้วเกิดมะเร็งได้ไหม?

ถ้าถามว่า ทำนมไปแล้วเกิดมะเร็งได้ไหม? มีรายงานแล้วว่า “เกิดได้” แต่ยังพบน้อยมาก โดยเป็นมะเร็งชนิด BIA-ALCL ย่อมาจาก Breast Implant-Associated Anaplastic Large Cell Lymphoma คือ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด T-cell ที่พบได้ยาก ที่ก่อตัวบริเวณซิลิโคนเสริมเต้านม ปัจจุบันยังหาสาเหตุการเกิดที่แน่ชัดไม่ได้ อุบัติการณ์พบอยู่ระหว่าง 0.03%-0.003% หรือ 1 ต่อ 3,817 ถึง 30,000 ซึ่งไม่ว่าเสริมซิลิโคนชนิดใดก็มีรายงานการเกิดขึ้นได้ แต่แตกกันไปตามแต่รายงาน หมอแนะนำว่าหากผู้ใดที่เสริมหน้าอกไปแล้ว 8-10 ปีขึ้นไป พบว่ามีอาการบวมที่เต้านม เจ็บ คลำพบก้อน ควรให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็ค เพราะว่า BIA-ALCL เมื่อตรวจพบในระยะแรก สามารถรักษาให้หายได้ โดยการผ่าตัดเอาซิลิโคนเสริมหน้าอกนั้นออกร่วมกับการนำเนื้อเยื่อโดยรอบออก อย่างไรก็ดี วิธีการรักษาอาจแตกต่างกันไป

การเสริมหน้าอกเป็นศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน มีคลินิก โรงพยาบาลให้เลือกมากมาย และราคาศัลยกรรมที่แตกต่างกัน การเสริมหน้าอกให้สวย ให้ปลอดภัย ในระยะยาว ผู้ที่สนใจอาจต้องศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งแพทย์ที่ผ่าตัด ซิลิโคนที่จะใช้ วีธีการผ่าตัด การดูแลรักษาหลังผ่าตัด อย่าหลงเชื่อเพียง ราคาที่ถูกหรือรีวิวสวยๆ เพียงอย่างเดียว เพื่อหน้าอกสวยอย่างยั่งยืนครับ

หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ จาเรมคลินิก เบอร์ติดต่อ 091-782-0606 , 02-641-4091 เว็บไซต์ : https://www.jaremclinic.com/t

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน