ขับรถย้อนรอยคนรุ่นปู่ จากสิงคโปร์สู่เกาะอังกฤษ

ขับรถย้อนรอยคนรุ่นปู่ จากสิงคโปร์สู่เกาะอังกฤษ – การเดินทางที่ท้าทายที่สุดแห่งศตวรรษที่ 21 เริ่มขึ้นอีกครั้ง ด้วยรถแลนด์ โรเวอร์ ออกซ์ ฟอร์ด 1955 – Land Rover 1955 Oxford เมื่อคิดเป็นปีพ.. ก็ตรงกับปี 2498

หลังรถเขียนเส้นทางลอนดอน-สิงคโปร์

รถสมบุกสมบันคันนี้เคยเดินทางมาจากกรุงลอนดอน เกาะอังกฤษ มาถึงประเทศสิงคโปร์ โดยผ่านประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งบนเส้นทาง เมื่อ 63-64 ปีที่แล้ว

ณ ตอนนั้น ขบวนเดินทางมีสมาชิกทั้งหมด 6 คน จากมหาวิทยาลัยออกซ์ ฟอร์ด และ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สถาบันการศึกษาชั้นนำของอังกฤษ

ร่วมการเดินทางที่มีชื่อว่า “ออกซ์ฟอร์ด แอนด์ เคมบริดจ์ ฟาร์อิสเทิร์น เอ็กซ์เพดิชั่น” หรือเรียกสั้นๆ ตามชื่อทีมว่า “เดอะ เฟิร์สต์ โอเวอร์แลนด์” นำทีมโดย ทิม สเลสเซอร์ เจ้าของรถสุดเก๋าดังกล่าว

มาถึงวันนี้สมาชิกชุดนั้นกลายเป็นคุณปู่คุณตาคุณทวดกันหมดแล้ว แต่ก็มีรุ่นหลานๆ ที่อยากสร้างประสบการณ์อันน่าทึ่งแบบคนรุ่นก่อนบ้าง

จึงนำเอารถคันเดิมในตำนานนี้ขึ้นเครื่องบินจากลอนดอนมายังสิงคโปร์ เพื่อเริ่มขับย้อนรอยจากประเทศสิงคโปร์ มุ่งหน้ากลับไปยังกรุงลอนดอน ด้วยชื่อทีมงานที่ล้อกับชื่อเดิมว่า “เดอะ ลาสต์ โอเวอร์แลนด์”

การเดินทางในครั้งนี้ ทีมลาสต์ โอเวอร์แลนด์ สมาชิก 8 คน วางแผนจะใช้ระยะเวลา 100 วัน ผ่านทางบนบกตลอดสาย ข้ามทวีปถึงสามทวีป เดินทางผ่านทุกสภาพท้องถนน

ไม่ว่าจะเป็นป่าของมาเลเซียและพม่า เทือกเขาหิมาลัยของอินเดีย ทะเลทรายในตะวันออกกลาง

รวมระยะทางการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์นี้ 16,000 กิโลเมตร และผ่านพรมแดนทั้งหมดกว่า 20 ประเทศ

ทิม สเลสเซอร์

เริ่มจากสิงคโปร์ ผ่านมาเลเซีย ไทย เมียนมา อินเดีย คีร์กิซสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน อาร์เซอร์ไบจาน จอร์เจีย ตุรกี บัลแกเรีย

เซอร์เบีย ฮังการี สโลวะเกีย ออสเตรีย เยอรมนี ฝรั่งเศส และเข้าสู่จุดหมายปลายทางถึงอังกฤษ หรือสหราชอาณาจักรอย่างปลอดภัย

แวะที่สะเดา-สงขลา

กำหนดไว้ว่าจะมีปาร์ตี้ฉลองที่ลอนดอน วันที่ 29 พฤศจิกายน

คณะเริ่มออกเดินทางจากสิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 25 .. ผ่านมาเลเซียและเข้าสู่พรมแดนไทย วันที่ 30 .. ก่อนมาถึงกรุงเทพฯ จากนั้นตรงขึ้นไปจ.นครสวรรค์ ก่อนออกชายแดนที่ด่านแม่สอด จ.ตาก เพื่อเข้าเมียนมา วันที่ 4 ..

ระหว่างทางเข้าสู่ประเทศไทย ขบวนรถผ่านเส้นทางด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา ทีมงานแวะพักและพูดคุยกับผู้สื่อข่าวข่าวสดที่นั่น ก่อนจะมาเปิดตัวอย่างครึกครื้นที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง เมื่อ วันที่ 1 ..

เนธาน จอร์จ วัย 22 ปี หลานของ ทิม สเลสเซอร์ เจ้าของรถแลนด์โรเวอร์ กล่าวว่า คุณตาเคยขับรถแลนด์โรเวอร์มาประเทศไทยมาแล้ว ตอนนั้นคุณตาก็อายุ 22 ปีเท่ากับเขาตอนนี้

สำหรับครั้งนี้ เนธาน พร้อมด้วยเพื่อนร่วมเดินทางและรถแลนด์โรเวอร์ จำนวน 3 คัน จัดทริปท่องเที่ยวย้อนรอยประวัติศาสตร์ 64 ปี ของอายุรถแลนด์โรเวอร์ของเจ้าคุณปู่

ก่อนจะเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์รถเก่าของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อร่วมบันทึกประวัติศาสตร์เที่ยวรอบโลก

อเล็กซ์ เบสโคบี

การที่ผมและเพื่อนๆ นำรถอายุ 64 ปี คันนี้ซึ่งเป็นคันแรกและคันสุดท้ายในโลก ขับมาท่องเที่ยวรอบโลก ก็เพื่อแสดงศักยภาพของรถคันนี้ว่ายังใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงทำสารคดีท่องเที่ยวแนะนำประเทศที่พวกเราได้ผ่านนั้นด้วย ทั้งสถานที่น่าเที่ยว เพื่อคนทั่วโลกได้รับรู้จากพวกเรา” หนุ่มนักเดินทางมือใหม่กล่าว

นอกจากนี้ เนธานยังกล่าวขอบคุณทีมงานรถแลนด์โรเวอร์และคนไทยมาต้อนรับ พร้อมร่วมกันถ่ายภาพที่สวนไดโนเสาร์ในบรรยากาศครึกครื้น

ผมชอบวัดเมืองไทยมาก ดูแล้วมันสวยสบายตา เคยเดินทางมาไทยแล้วครั้งหนึ่ง ประทับใจมาก และยังรู้ว่าประเทศนี้มีกษัตริย์ซึ่งคนไทยเคารพรัก และผมรักประเทศนี้” เนธานกล่าว

เมื่อขบวนรถมาถึงกรุงเทพฯ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์

จัดงานเลี้ยงต้อนรับเอาฤกษ์เอาชัยให้กับทีม The Last Overland – เดอะ ลาสต์ โอเวอร์แลนด์ พร้อมเชิญสื่อมวลชนยลโฉมรถแลนด์โรเวอร์ 1955 ออกซ์ฟอร์ด ที่ใช้ในการเดินทาง

เมื่อวันจันทร์ที่ 2 กันยายน ที่อาคาร RSC ราชกรีฑาสโมสร กรุงเทพฯ

สองผู้ร่วมทริป เควิน ฮอร์สฟิลด์ ซิลเวอร์เรียส ปุรพา

เจ้าหน้าที่เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย นำทีมต้อนรับสมาชิกเดอะลาสต์ โอเวอร์แลนด์ พร้อมกล่าวถึงการเดินทางครั้งก่อนว่า เมื่อปี 1955

การเดินทางจากอังกฤษมายังสิงคโปร์นั้น เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ส่วนใหญ่คนที่เดินทางมาจากลอนดอนจะสิ้นสุดการเดินทางที่ประเทศอินเดียเท่านั้น

แต่ทีม โอเวอร์แลนด์ ทำลายสถิตินั้นด้วยการเดินทางจากลอนดอนไปยังสิงคโปร์ด้วยรถยนต์สำเร็จ

สิ่งที่พิเศษคือ 6 คนที่เดินทางเมื่อ 64 ปีก่อน คือเด็กจบใหม่ทั้งหมด เสน่ห์ของการเดินทางครั้งนี้ยังใช้รถคันเดิม ที่ไม่มี พวงมาลัยเพาเวอร์ ไม่มีแอร์ ไม่มีจีพีเอส และไม่มีเกียร์ออโต้ การขับรถคันนี้ต้องใช้สมาธิในการขับพอสมควร แม้ทีมงานจะมีตัวเลือกเป็นรถแลนด์โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์ตัวใหม่ แต่คงไม่สนุกเท่าขับแลนด์โรเวอร์คันเดิม จึงทำให้การเดินทางครั้งนี้นำทีมโดยแลนด์โรเวอร์ 1955 ออกซ์ฟอร์ด

สมาชิก 8 คนของทริปนี้ ต่างแบ่งกันทำหน้าที่ต่างๆ เช่น แลร์รี เหลียง สมาชิกของทีมชาวสิงคโปร์ ผู้เชี่ยวชาญการรักษาความปลอดภัยด้านไอทีและการสื่อสาร

เป็นผู้มีประสบการณ์มากที่สุดในบรรดา 8 คน เพราะเคยเดินทางบนบกจากลอนดอนมาสิงคโปร์แล้วสองครั้ง ครั้งนี้รับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและรับมือกับเหตุฉุกเฉินในภาคสนาม

ส่วนสาวหนึ่งเดียวในคณะ เดแรส แมรี รับหน้าที่บันทึกการเดินทางตามเส้นทางที่กำหนดไว้แล้วนั้น โพสต์วิดีโอลงยูทูบ เผยแพร่วันต่อวันให้ทุกประเทศได้ชมกัน

ภาพดังกล่าวยังจะทำให้เห็นว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดนับตั้งแต่การเดินทางครั้งแรก เดอะเฟิร์สต์ โอเวอร์แลนด์ ผ่านสายตาของนักเดินทางทั้งสองรุ่นที่แตกต่างกัน

และผู้คนที่ได้พบปะตลอดเส้นทาง

อเล็กซ์ เบสโคบี ผู้ทำหน้าที่ถ่ายสารคดี และเป็นเหมือนหัวหน้าทีมการเดินทางครั้งนี้ ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงเทพฯ กล่าวขอบคุณการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากพันธมิตร ผู้สนับสนุน ครอบครัว และเพื่อนๆ

มันน่าทึ่งมากนะที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงตามเส้นทาง อย่างการเริ่มต้นที่สิงคโปร์ที่ทุกอย่างทันสมัยสุดขีด จากนั้นเราก็มาถึงมาเลเซีย ขับรถผ่านป่าที่งดงามของคาเมรอนไฮแลนด์

ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าฝน ก่อนจะเข้ามายังภาคใต้ของไทย แล้วมาถึงใจกลางของไทย มันทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างมากๆ”

ขบวนรถเดินทางข้ามทวีป

สิ่งที่มหัศจรรย์ของการเดินทางแบบนี้ก็คือ คุณจะได้เห็นอะไรต่างๆ ไปทุกๆ ไมล์ คุณไม่ได้บินอยู่ข้างบน บนเครื่องบิน คุณจะค่อยๆ เห็นถึงความแตกต่างทีละน้อย

เสื้อผ้าที่ผู้คนใส่ วิธีที่ผู้คนพูด สถาปัตยกรรมที่แตกต่างออกไป ศาสนสถานที่ แตกต่าง มันวิเศษอย่างยิ่ง และเราเพิ่งผ่านมาสิบเปอร์เซ็นต์ของเส้นทางเท่านั้น”

ผมรู้สึกว่าโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เดินทางอีกครั้ง การผจญภัยที่น่าจดจำครั้งนี้ ทีมเราจะเดินทางเป็น 100 วันไปตามถนนที่สูงที่สุดผ่านทะเลทรายและป่าไม้เพื่อไปให้ถึงลอนดอนในช่วงเดือนธันวาคม

สาวเดียวในทีม เดแรส แมรี

การเดินทางครั้งนี้เราตั้งตารอคอยที่จะได้แบ่งปันเรื่องราวแห่งการผจญภัยของพวกเราตลอดเส้นทาง” หนุ่มผู้สร้างภาพยนตร์และเป็นนักเดินทางไปพร้อมกัน กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อนักข่าวถามถึง คุณปู่ ทิม สเลสเซอร์ เจ้าของตำนานการเดินทางเมื่อ 64 ปีก่อน ซึ่งเดิมจะร่วมทริปข้ามทวีปนี้ด้วย เบสโคบี เล่าว่า คุณสเลสเซอร์ ปัจจุบันอายุ 87 ปี

ยังไฟแรงอยู่และวางแผนร่วมทริปครั้งนี้ แต่เมื่อเดือนก่อนท่านล้มป่วย ทั้งที่เดิมสุขภาพแข็งแรงมาก ต่อมาอาการดีขึ้น จึงเดินทางมายังสิงคโปร์ แต่ชะตาพลิกผันอีก ตอนเช้าที่จะออกเดินทาง ท่านก็ล้มป่วยอีก

คุณปู่สเลสเซอร์ฝากข้อความมาแถลงกับสื่อมวลชนว่า อยากขอบคุณประเทศไทยที่ต้อนรับคณะของท่านเมื่อ 63 ปีก่อน

ตอนนั้นเมืองไทยยังไม่มีถนนตลอดแนวพรมแดน 160 .. ตอนที่ขับรถเข้ามาที่กรุงเทพฯ ยังแวะมายังราชกรีฑาสโมสร กรุงเทพฯ ด้วย

ทีมนักเดินทางหวังว่า เจ้าของการเดินทาง เดอะ เฟิร์สต์ โอเวอร์แลนด์ จะฟื้นกลับมาแข็งแรงและได้กลับมาร่วมการเดินทาง เดอะ ลาสต์ โอเวอร์แลนด์ แม้เป็นสักส่วนหนึ่งของการเดินทางเพื่อสร้างตำนานให้เป็นที่ประทับใจยิ่งขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน