44 ปีสานสายใยเพื่อสายใจไทยฯ
44 ปีสานสายใย – ในปีพุทธศักราช 2562 อันเป็นปีแห่งการครบ 44 ปี มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิสายใจไทยฯ ร่วมกับศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดงาน “สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย” ระหว่างวันที่ 23-29 ก.ย. 2562 ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
เพื่อจำหน่ายและแสดงผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรมจากแผนกต่างๆ ของมูลนิธิสายใจไทยฯ กว่า 2,000 ชิ้น เพื่อหารายได้เข้ามูลนิธิสายใจไทยฯ โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ โปรดเกล้าให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จทรงเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันจันทร์ที่ 23 ก.ย. เวลา 14.00 น.
ภายในพิธีเปิดงานพบการแสดงชุดพิเศษในธีม “สุขสดชื่นรื่นเริงเถลิงรัชช์” โดยเหล่าผู้แสดงแบบกิตติมศักดิ์กว่า 30 คน ร่วมด้วยนักแสดงสาว “เดียร์น่า ฟลีโป” ในชุดสวยงามที่ตัดเย็บโดยผ้าไหมพิมพ์ลายดอกไม้ 7 ลายคอลเล็กชั่นใหม่ พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของมูลนิธิ และการแสดงจากศิลปินชื่อดัง ลูกหว้า พิจิกา จิตตะปุตตะ ที่จะมาร่วมขับร้องบทเพลงไพเราะ
พบผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ อาทิ กระเป๋าและผ้าพันคอผ้าไหมซาตินลาย “นกป่า” ออกแบบลวดลายโดย นิธิ สถาปิตานนท์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม เป็นภาพร่างนกน้อยในผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไทย
รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมายจากแผนกต่างๆ ของมูลนิธิสายใจไทยฯ และการสาธิตการระบายสีบนกระเบื้อง ผู้ร่วมงานสามารถเลือกลวดลายให้วาดลงบนผลิตภัณฑ์เป็นของที่ระลึก ของฝากที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล
ท่านผู้หญิงพึงใจ สินธวานนท์ กรรมการ และรองผู้จัดการมูลนิธิสายใจไทยฯ กล่าวว่า “งานสานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทยจัดขึ้นต่อเนื่องเพื่อเผยแพร่กิจการของมูลนิธิ ที่ยังคงช่วยเหลือเหล่าสมาชิกด้วย การฝึกอาชีพ และนำผลิตภัณฑ์ออกจัดจำหน่าย ล้วนเป็นทหาร ตำรวจ รวมถึงสมาชิกในครอบครัว
ปัจจุบันมูลนิธิสายใจไทยฯ มีสมาชิกในความดูแลกว่า 4,000 ครอบครัวจากทั่วประเทศ ในปีนี้โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา นำสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของโครงการมาร่วมจัดแสดงและจำหน่าย”
ร.ต.สุวิทย์ ศรีโศรก ช่างฝีมืออาวุโส มูลนิธิสายใจไทยฯ กล่าวว่า “ปัจจุบันอายุ 70 กว่าปี ยังคงเข้ามาทำงานในแผนกเครื่องหนังของมูลนิธิสายใจไทยฯ แม้จะปลดเกษียณไปแล้ว แต่ทางมูลนิธิเปิดโอกาสให้ทำงานต่อ และตั้งใจว่าจะทำงานที่นี่ต่อไปจนกว่าจะทำไม่ไหว
เพราะเป็นที่ที่ให้โอกาสทหารที่ขาพิการอย่างเราสามารถมีอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวมาตลอด 30 กว่าปี เริ่มตั้งแต่ไม่มีความรู้ เรื่องงานฝีมืองานเครื่องหนัง จนกระทั่งเรียนรู้การทำเครื่องหนังทุกขั้นตอน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”