‘ปีติ’หน้าพระที่นั่ง เยาวชนโขนคึกฤทธิ์

คอลัมน์ สดจากเยาวชน

โขนคึกฤทธิ์ – “ดนตรีไทยไม่สิ้นแล้ว เพราะพระทูลกระหม่อมแก้วเอาใจใส่”

คำกล่าวของ อาจารย์เสรี หวังในธรรม ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ศิลปะการละคร) ซึ่ง ครูแป๊ะ ผศ.ดร.ธีรภัทร์ ทองนิ่ม ผู้กำกับการแสดงและกำกับเวที หยิบยกขึ้นมากล่าวอีกครั้งหลังจบงานแสดงโขนใหญ่ประจำปี ชุด “ราพณ์พ่ายบารมี พระจักรีครองเมือง” ของศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์มูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ซึ่งนำนักแสดงเยาวชนกว่า 200 ชีวิต แสดงโขนหน้าพระที่นั่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ

โขนคึกฤทธิ์

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ ในพระราชูปถัมภ์ฯ กล่าวว่า “ภายหลังจบการแสดง กรมสมเด็จพระเทพฯ รับสั่งถามถึงการฝึกซ้อมคณะโขนเยาวชนของเราว่าฝึกกันอาทิตย์ละวันจริงหรือ และยังสนพระทัยการฝึกของเด็กๆ ที่พากย์โขน ทำให้พวกเราต่างปลื้มปีติ ครั้งนี้ถือเป็นการแสดงโขนที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจเยาวชนคนโขน คณะครู และคณะผู้ทำงานของศูนย์ศิลปะการแสดง สถาบันคึกฤทธิ์”

โขนคึกฤทธิ์

โขนคึกฤทธิ์

โขนคึกฤทธิ์

โขนรามเกียรติ์ตอน “ราพณ์พ่ายบารมี พระจักรีครองเมือง” จับความตอนสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างฝ่ายมนุษย์ ได้แก่ พระราม พระลักษมณ์ กองทัพวานร และกองทัพอสูร ได้แก่ ทศกัณฐ์และบรรดาไพร่พลอสูร หลังการปะทะทัพกลางเวที ฝ่ายพระรามได้รับชัยชนะ สงครามยุติลง พระรามจึงเดินทางกลับนครอโยธยา บรมราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงอโยธยา

โขนคึกฤทธิ์

โขนคึกฤทธิ์

ครูแป๊ะ ธีรภัทร์ กล่าวถึงเยาวชนไทยกับโขนว่า “ปัจจุบันโขนกำลังฟื้นตัว มีแรงผลักดันให้เด็กสมัยใหม่ต้องการเรียนโขนมากขึ้น ทั้งได้เล่น ออกกำลังกาย โขนปัจจุบันไม่ยืดเยื้อเช่นสมัยก่อน ตอนที่สนุกสนานก็มี ทำให้เด็กๆ ที่เข้ามาเรียนสนุก

อีกทั้งหลายหน่วยงานสนับสนุน เช่น มีชมรมโขนในบางโรงเรียน และยังสอดแทรกวิชาการแสดงโขนเข้าไปด้วย ยิ่งเป็นการต่อลมหายใจให้มรดกวัฒนธรรมชิ้นนี้ ตอนนี้การแสดงโขนกลายเป็นความนิยมของเด็กสมัยใหม่บางกลุ่มไปแล้ว และยังมีคนรุ่นใหม่ต้องการสมัครเข้าเรียนที่สถาบันคึกฤทธิ์ในทุกๆ ปี เนื่องจากเรามีคณาจารย์ซึ่งได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติมาสอนถึง 3 ท่าน ลงฝึกฝนเด็กๆ ด้วยตัวเองทั้งสิ้น”

โขนคึกฤทธิ์

โขนคึกฤทธิ์

ด้านเยาวชนคนโขนที่ร่วมแสดงครั้งนี้ น้องภู นายวิภู บุญนาค หลงใหลชื่นชอบวรรณกรรมรามเกียรติ์มาตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะตัวละครทศกัณฐ์ เมื่อมีโอกาสได้เรียนโขน จากความชอบจึงกลายเป็นความรัก กระทั่งเลือกเรียนเป็นวิชาเอก สาขาศิลปะการแสดงโขนยักษ์ เมื่อเข้าสู่ชั้นมัธยมฯ ปลาย โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร น้องภูร่ำเรียนวิชาการแสดงโขนยักษ์ที่สถาบันคึกฤทธิ์มาอย่างอดทนและฝึกฝนอย่างหนัก

จนครั้งนี้ได้รับบทเด่นเป็นทศกัณฐ์และยังได้แสดงหน้าพระที่นั่ง นำมาซึ่งความภาคภูมิใจ น้องภูยืนยันว่าจะไม่ทิ้งทศกัณฐ์ที่อยู่ในตัวเขาแน่นอน แม้ต่อไปต้องเรียนรัฐศาสตร์แบบ คุณตา แต่ทั้ง 2 ศาสตร์จะเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน

โขนคึกฤทธิ์

น้องเอิ๊ก อุรัชฌา หวังในธรรม หลานตาของศิลปินแห่งชาติ อาจารย์เสรี หวังในธรรม รับบท “พระราม” ด้วยท่วงท่าการร่ายรำที่องอาจแต่อ่อนช้อยสวยงาม เล่าว่า เริ่มเรียนโขนตั้งแต่ชั้น ป.5 จนตอนนี้เรียนมัธยม 5 แล้ว เริ่มเรียนโขนด้วยใจรักและครอบครัวส่งเสริม คุณแม่เป็นครูสอนรำ คุณพ่อเป็นครูสอนโขน ยิ่งทำให้ซึมซับมาตั้งแต่จำความได้ เคยแสดงบทมาหลากหลาย เป็นตัวประกอบทั้งเทวดา นางฟ้า กวางทอง จากนั้นได้รับบทพระลักษมณ์เมื่อปีก่อน ปีนี้ได้รับบทใหญ่เป็นตัวเอก พระราม และยังได้แสดงหน้าพระที่นั่ง

โขนคึกฤทธิ์

“นอนไม่หลับเลยครับ ปลื้มปีติมาก แต่เกิดความผิดพลาดเพราะในช่วงการขึ้นลอยสูงซึ่งเป็นท่ารบพิเศษของโขนโบราณ ใช้ตอนพระรามรบทศกัณฐ์เท่านั้น ท่าแรกพระรามเหยียบอยู่บนหน้าขาของทศกัณฐ์ ท่าที่สองพระรามใช้เท้าขวาเหยียบบนท่อนแขนของทศกัณฐ์ แต่ในรอบนั้นผมไปสู่ท่าสองไม่ได้ แต่ก็รำจนจบ มารอบค่ำใจก็กลับมา ขึ้นลอยได้สำเร็จ” น้องเอิ๊กกล่าว

หลังผ่านการแสดงโขนรามเกียรติ์หน้าพระที่นั่ง ชุด “ราพณ์พ่ายบารมี พระจักรีครองเมือง” ขวัญและกำลังใจของเยาวชนคนโขน คณะครู และคณะทำงานของศูนย์ศิลปการแสดง สถาบันคึกฤทธิ์ ต่างมีพลังในการฝึกฝน สืบทอด และส่งต่อศิลปะไทยที่ไม่สามารถบันทึกเก็บไว้ด้วยสื่อใดๆ บนโลก นอกจากการปลูกฝังลงในร่างกายและจิตใจของเยาวชนไทยเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน