เด็กเอาตัวรอด ณ ไร่ลุงคิงคอง
คอลัมน์ สดจากเยาวชน
เด็กเอาตัวรอด – “เพิ่งเคยหาปลาเองครั้งแรกครับ อยู่บ้านมีแต่ไปซื้อที่ตลาด ได้มาสัมผัสความลำบากแบบนี้ สนุกมากครับ” คำบอกเล่าของ น้องเปรม เด็กชายรัฐภูมิ อิ่มนารี อายุ 11 ขวบ ระหว่างล้อมวงรับประทานอาหารกับเพื่อนๆ
เปรมและเพื่อนๆ เดินทางมาจากบ้านโนนศรีสง่า อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ เช่นเดียวกันกับเพื่อนๆ อีกหลากรุ่น หลายวัยกว่า 40 คนที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศ ทั้งอุทัยธานี กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา นครสวรรค์ กำแพงเพชร นครราชสีมา และชัยภูมิ รวมตัวเข้าร่วมค่ายเอาตัวรอดที่ไร่ลุงคิงคอง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ลูกเกด เด็กหญิงฐิติกานต์ แห้วเพ็ชร อายุ 10 ขวบ ลูกหลานคนบ้านไร่ จ.อุทัยธานี หนึ่งในเด็กๆ ที่มาร่วมกิจกรรมค่ายเอาตัวรอด บอกเล่าประสบการณ์การเรียนรู้ “วันนี้พวกเราต้องทำกับข้าวกินเองค่ะ แต่ละกลุ่มจะมีน้ำให้กลุ่มละ 1 ถัง ข้าวสารคนละถุง แล้วก็มีหม้อ กระทะ อุปกรณ์จุดไฟก็มีด่างทับทิมแล้วก็น้ำตาลทรายค่ะ แบ่งเป็น 2 มื้อคือมื้อกลางวัน และมื้อเย็น เราจะแบ่งหน้าที่กัน ผู้หญิงมีหน้าที่ไปหาผัก หาผลไม้ หาไข่ไก่ ส่วนผู้ชายมีหน้าที่หาปลา หาปู แล้วก็ถ้วยใส่น้ำที่ทำจากไม้ไผ่ค่ะ”
“ค่ายเอาตัวรอด” เป็นค่ายที่ชวนเด็กๆ ทำความเข้าใจและรับมือกับสภาวะความเปลี่ยนแปลงที่กำลังส่งผลกระทบต่อวิถี ชีวิตผู้คน สัตว์ สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั่วโลก ทั้งสภาพอากาศ ร้อนจัด หนาวจัด เกิดพายุ อุทกภัย ไฟไหม้ แห้งแล้ง โรคระบาด
ชวนเด็กๆ มาฝึกทักษะ ลองใช้ชีวิตกลางแจ้งผ่านสถานการณ์จำลอง ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่มีไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ พัดลม โทรทัศน์ ตู้เย็น มีเพียงพลังงานจากโซลาร์เซลล์ที่ให้ แสงสว่าง
เรียนรู้วิธีหาอยู่หากินกับพืชผักผลไม้และ ธรรมชาติรอบตัว ทดลองก่อไฟ ปรุงยาสมุนไพรไว้ใช้ยามฉุกเฉิน รู้จักกับดักสัตว์ หาปู หาปลาในแหล่งน้ำ และปลูกผัก ทำความรู้จักเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านอันหลากหลาย ผ่านกิจกรรมทั้ง 4 ฐาน นั่นคืออาหาร หยูกยา พรานป่าพรานปลา และเพาะปลูก เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน
ลูกเกดบอกว่า “หนูชอบฐานเพาะปลูกค่ะ ได้รู้จักผักรู้จักต้นไม้ ต้นไม้ช่วยเราได้หลายอย่าง ช่วยให้อากาศดีไม่ร้อน หนูชอบต้นไม้ แล้วก็อยากลองปลูกผักกินเองที่บ้านค่ะ”
เมื่อเด็กๆ ได้มาเห็นมาสัมผัสด้วยตัวเอง นอกจากทักษะชีวิตที่จะได้ติดตัวกลับไปแล้ว สิ่งหนึ่งคือยิ่งทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่ต้องช่วยกันดูแล เหมือนคนในครอบครัว ความคิดเล็กๆ ความรู้สึกรักและหวงแหนธรรมชาติจะนำไปสู่การช่วยกันดูแลรักษาอย่างยั่งยืน
เอิง เด็กหญิงวัชราภร พรไตร อายุ 13 ปี พี่ใหญ่จาก อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ เล่าว่า “หนูคิดว่าวันหนึ่งโลกของเราอาจต้องเจอกับสภาวะความเปลี่ยนแปลงจริงๆ ค่ะ เพราะว่าเราใช้ทรัพยากรกันอย่างฟุ่มเฟือยมาก ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ ก็ไม่กลัว แต่จะเตรียมพร้อมรับมือ เราพอมีความรู้เรื่องหาอาหาร ปรุงยาบ้างแล้ว อาจจะรอดหรือช่วยคนอื่นๆ ได้บ้าง แต่หนูคิดว่าเด็กตัวเล็กๆ อย่างหนูก็ช่วยโลกได้ตั้งแต่วันนี้ด้วยการไม่สร้างขยะ ไม่เผาขยะ ไม่เผาป่า นำความรู้ไปบอกเพื่อนๆ ให้ช่วยกันปลูกต้นไม้เยอะๆ ค่ะ”
ส่วนหนึ่งจากการเรียนรู้ผ่านกระบวนการค่าย เอาตัวรอด ติดตามชมค่ายแสนสนุกของเด็กๆ ในรายการทุ่งแสงตะวัน ตอน เด็กเอาตัวรอด วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 05.05 น. ทางช่อง 3 กด 33 ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ทาง www.payai.com หรือเฟซบุ๊ก ทุ่งแสงตะวัน