ยล‘นครสีชมพู’ชัยปุระ-ราชสถาน : ข่าวสดหรรษา
ยล‘นครสีชมพู’ – จากลัคเนา อัครา ปิดท้ายกันด้วย “ชัยปุระ” (Jaipur) กับทริปพิเศษกับ สายการบินไทย สมายล์ ที่ยกคณะเดินทางไปสัมผัสอินเดีย ดินแดนภารตะ
“ชัยปุระ” เป็นเมืองหลักของรัฐราชสถาน และยังเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 10 ของอินเดีย ถูกขนานนามว่า “นครสีชมพู”
โดยในปีค.ศ.1876 รัชสมัยของมหาราชา สวาอี รามสิงห์ มีพระบัญชาให้ทาสีอาคารบ้านเรือนให้เป็นสีชมพู เพื่อเป็นการต้อนรับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ สหราชอาณาจักร เมื่อครั้งเสด็จเยือนชัยปุระสีชมพูนั้นก็ยังคงไว้จนถึงปัจจุบัน และกลายเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองมาจนทุกวันนี้
สถานที่แรกคือ “พระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ต” (Amber Fort) เป็นพระราชวังในป้อมปราการบนเนินเขา ตั้งโดดเด่นอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบเมาตา (Maota) ป้อมปราการนี้เคยเป็นศูนย์กลางการทหาร และการปกครองของมหาราชาแห่งชัยปุระมาหลายรุ่นหลายสมัย อายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี
พระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ตมีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรม ผสมผสานกันระหว่างศิลปะฮินดู และศิลปะราชปุต มองเห็นได้จากระยะไกล เนื่องจากมีขนาดกำแพงปราการกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
นอกจากนี้ เมื่ออยู่บนป้อมแล้วยังมองเห็นทะเลสาบเมาตาได้ อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวนิยมขี่ช้าง หรือนั่งรถจี๊ปขึ้นไปยังบริเวณพระราชวัง แต่ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะแนะนำให้ขี่ช้างขึ้นไป เพราะได้บรรยากาศย้อนยุค และระหว่างทางยังถ่ายรูปวิวจากบนหลังช้าง ตื่นเต้นไปอีกแบบ
ภายในพระราชวัง มีผนังสวยงาม ประณีต ลวดลายอ่อนช้อยงดงาม และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือการจัดการระบบน้ำ โดยนำน้ำจากทะเลสาบเมาตามาใช้ในห้องหับต่างๆ
โดยภายในแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ แต่ละส่วนมีลานของตัวเอง กว้างขวาง ยิ่งใหญ่ อากาศข้างบนเย็นสบาย และวิวข้างบนจะสวยงามเป็นพิเศษ มีจุดถ่ายภาพมุมสูงมากมาย เรียกได้ว่าเดินเพลินจนหลง หาทาง ออกไม่เจอกันเลย ควรมีเวลาเผื่อเที่ยวที่นี่สัก 3-4 ชั่วโมง
จากนั้นเดินขึ้นไปชม “ป้อมชัยครห์” (Jaigarh) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาชีลกาทีลา เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาอะระวัลลี ตั้งอยู่สูงเหนือกว่าป้อมแอมเบอร์ฟอร์ตใช้สำหรับอารักขาป้อมแอมเบอร์ฟอร์ต และพระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ตที่อยู่ด้านใน
เดินถัดไปเจอกับ “ป้อมนาหรครห์” (Nahargarh) เมื่อรวมป้อมแอมเบอร์ฟอร์ต ป้อมชัยครห์ และป้อมนาหรครห์ ทั้ง 3 ป้อมปราการนี้เคยเป็นเสาหลักในการป้องกันการรุกรานจากข้าศึกต่างๆ
เสร็จจากเดินชมป้อมปราการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอินเดียแล้ว ไปต่อ กันที่ City Palace หรือพระราชวังฤดูหนาว สร้างด้วยหินแกรนิต และหินอ่อน ในปีค.ศ.1797 โดยส่วนหนึ่งดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นัก ท่องเที่ยวเข้าชม ทั้งห้องนอน ห้องแต่งตัว ห้องอาหาร เครื่องใช้ต่างๆ ที่มหาราชาเคยใช้จริง
นับเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในรัฐราชสถาน จุดเด่นยอดฮิตของวังแห่งนี้คือบลูพาเลซ ห้องสีฟ้า อยู่บนสุดของพระราชวัง สวยงามทั้งลวดลายและสีฟ้า จึงเป็นห้องสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมและถ่ายรูป
คณะออกเดินทางต่อมุ่งเข้าสู่ตัวเมือง แวะเยี่ยมชม “ชัล มาฮาล” (Jal Mahal) พระราชวังฤดูร้อน ล้อมรอบด้วยทะเลสาบมันสการ์ (Man Sagar) สร้างไว้สำหรับราชวงศ์มาพักผ่อนในช่วงฤดูร้อน
ชั้นล่างของอาคารจะถูกน้ำท่วมเมื่อระดับน้ำสูงขึ้น และส่วนชั้นบนโผล่ขึ้นเหนือน้ำ สถานที่นี้ให้นักท่องเที่ยวชมจากจุดชมวิว โดยให้ยืนอยู่ริมฝั่งเท่านั้น เข้าไปข้างในวังไม่ได้
เมื่อเข้าสู่ตัวเมืองชัยปุระ จะเห็นอาคารบ้านเรือนสีชมพูโดดเด่นละลานตา ร้านค้าริมทางและผู้คนตามท้องถนน ทำให้เมืองเต็มไปด้วยความคึกคัก มีชีวิตชีวา และสีสัน เหมาะแก่การเดินเที่ยวชมรอบๆ เมือง ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
จุดแลนด์มาร์กของเมืองชัยปุระคือ “ฮาวา มาฮาล” (Hawa Mahal) พระราชวังแห่งสายลม สร้างในปีค.ศ.1799 โดยมหาราชา สะวาย ประธาป สิงห์ ถอดแบบมาจากรูปทรงของมงกุฎพระนารายณ์ เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์เปอร์เซียผสมโมกุล
ตัวอาคารมี 5 ชั้น สีชมพูอมส้ม สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพูและสีแดง มีลักษณะคล้ายรังผึ้ง มีช่องหน้าต่างบานเล็กๆ ตกแต่งด้ว ยลายฉลุมากถึง 953 บาน โดยลายฉลุมีไว้เพื่อให้นางในวังมองส่องออกมาเห็นชีวิตผู้คนภายนอก เนื่องจากนางในเหล่านั้นต้องเคร่งครัดเรื่องการคลุม “ปูรดาห์” หรือผ้าคลุมหน้า
เคล็ดลับสำหรับถ่ายรูปฮาวามาฮาล คือตรงฝั่งตรงกันข้ามจะมีร้านคาเฟ่ และมีชั้นดาดฟ้าชมวิวแบบเห็นเต็มๆ ทั้งตัวอาคาร และถ่ายรูปได้อีกบรรยากาศ
ปิดท้ายไปชมกรรมวิธีการผลิตพรมอันเป็นของฝากเลื่องชื่อ มีความประณีตซับซ้อน และลวดลายที่หาได้แค่ที่เมืองชัยปุระเท่านั้น น่าทึ่งจริงๆ มหานครสีชมพู