คอลัมน์ สวรรค์ในครัว
เขียง มะขาม
อานิสงส์อย่างหนึ่งของปีที่ไม่ได้ยกครัวกันออกไปสงกรานต์ต่างจังหวัด
นอกเหนือจากรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ได้หลายบ้านแล้ว และมีเวลาจัดแจงทำ ความสะอาดบ้านเรือน หรือธุระปะปังเล็กๆ น้อยๆ ที่คั่งค้างให้หมด
ก็คือการ “สุมหัว” กิน ดื่ม คุยกันเหมือนกับปีปี หนึ่งไม่ได้พบเจอกันเลย (ฮา)
อาศัยว่าญาติเยอะ เฉพาะที่อยู่บ้านใกล้ก็ร่วม 20 คน เลยวนกันคุยไม่เบื่อ (ฮา-อีกที)
ยังไม่นับญาติและมิตรที่แวะเวียนมาวันละอีกหลายๆ หรือบางวันก็เป็นสิบอีกต่างหาก
เลยต้อง “จัดเต็ม” ทุกมื้อ
ของกินยืนพื้นของปีนี้คือก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงของคุณตาคุณยาย
ตั้งหม้อตั้งแต่วันก่อนสงกรานต์ เติมน้ำ เติมเครื่องปรุง โดยเฉพาะไชเท้า สับปะรด กระเทียมดอง (และเหล้า) ไปเรื่อยๆ
จนวันสิ้นเทศกาลแล้วยังมีคนถามหาอยู่เลย
สำหรับเด็กๆ อะไรจะมาอร่อยกว่าพิซซ่าทำเองเห็นจะไม่มี
คนที่ไม่กินหมูกินไก่ ก็ทำพิซซ่าหน้า ปูอัดไป
ซื้อแป้งซื้อเครื่องเตรียมไว้ให้
แล้วได้มุทิตาจิตจากพี่ชายใจดีส่งสับปะรดชัยพรจากบึงกาฬ ที่ถึงจะเนื้อขาวแต่หวานฉ่ำไม่แพ้สับปะรดศรีราชามาให้
ทำกินกันไม่เบื่ออีกเหมือนกัน
และสำหรับรุ่นกำลังโตนั้น ลำพังอาหารหลักอย่างสองอย่างเอาไม่อยู่
ต้องมีของว่างกินเล่นมาเสริมทัพไว้
ของเสริมหลักปีนี้มีทั้งเฟรนช์ฟรายด์ทอดเอง ปลาชุบเกล็ดขนมปังทอดเอง
สองอย่างนี้ซื้อแบบที่เขาแช่แข็งไว้ แล้วลงกระทะน้ำมันท่วมเลย
แก้ขัดได้หลายมื้อ
คู่กับขนมปังหน้าหมูกินกับอาจาด หรือขนมปังหน้าทูน่ามายองเนส และเกี๊ยวกรอบ
บ้างมื้อก็เล่นของว่างเป็นของหลักกันอิ่มแปล้ไป
และเนื่องจากหมูหมักใส่ก๋วยเตี๋ยวนั้น ทำใส่ตู้เย็นเอาไว้ 10 กิโล
เลยมีการ “ขโมยหมู” เอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น
เช่น แกงเขียวหวานหมูใส่ฟักเขียว หรือผัดซีอิ๊วหมูหมัก เข้ามาเพิ่มเติมเป็นบางมื้อ
นี่ยังไม่นับมาม่าเจ๊โอว (ทำเอง) อีกสองกระทะยักษ์ (แต่กินกัน 5 นาทีเรียบ)
หรือของตายอย่างสปาเกตตีผัดเผ็ดทั้งหลาย แลเนื้อย่าง หมูย่าง ทั้งหลายอีก
เจอกันหลังสงกรานต์แล้วถ้าคนอื่นจำไม่ได้ก็ไม่น่าแปลกใจ
ฮา