เสียง‘ทรงพระเจริญ’ก้องลำน้ำเจ้าพระยา

เสียง‘ทรงพระเจริญ’ก้องลำน้ำเจ้าพระยา – ความงามของ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เมื่อต้องแสงพระอาทิตย์ยามอัสดง เกิดประกายสีทองงามวิบวับจับใจไปทั่วลำน้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะเมื่อเรือสุพรรณหงส์เทียบสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ แสงสีทองของยอดปราสาทภายในพระบรมมหาราชวังขับให้เกิดภาพความงามอันอลังการตระการตา

ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 อันเป็นพระราชพิธีเบื้องปลาย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม กองทัพเรือจัดริ้วขบวนเรือตามรูปแบบโบราณราชประเพณี แบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3 สาย รวม 52 ลำ กำลังพลประจำเรือพระราชพิธีจำนวน 2,399 นาย ริ้วสายกลาง ประกอบด้วยเรือพระที่นั่ง 4 ลำ มีเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์

เจ้าพนักงานราชูปโภคอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 ไปประดิษฐานในบุษบกเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ครุย ทรงพระมาลาเส้าสูง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระแสงขรรค์ชัยศรี

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชร กิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปประทับเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ตามเสด็จในขบวนพยุหยาตรา

ในการนี้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยท่านผู้หญิงพลอยไพลิน เจนเซน และท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน เฝ้าฯรับเสด็จ ณ พลับพลาที่ประทับภายในสวนสันติชัยปราการ ทรงฉายภาพความงดงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ระหว่างการเสด็จทางชลมารค สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตต มางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงแย้มพระสรวลและโบกพระหัตถ์ทักทายพสกนิกรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จตลอดเส้นทางที่ขบวนเรือผ่าน ต่างพร้อมใจกันแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง โบกธงชาติ ธงพระปรมาภิไธย ชูพระบรมฉายาลักษณ์ไว้เหนือศีรษะ

พร้อมเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วลำน้ำเจ้าพระยา ทุกใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม บางคนมีน้ำตาแห่งความปลื้มปีติยินดีที่ได้เฝ้าฯ รับเสด็จพร้อมชมความงดงามของขบวนเรือตามแบบโบราณราชประเพณีไทย เสียงขับเสภากาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติที่ดังกังวานไปทั่วคุ้งน้ำขับภาพความสวยงามให้ขบวนเรือพระราชพิธีงดงามยิ่งนัก

ภายหลังเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เข้าเทียบสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ขึ้นสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ เสด็จฯ ไปยังพลับพลาที่ประทับรับรอง

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระราชยานพุดตานทอง ทรงพระแสงขรรค์ชัยศรี ทรงพระมาลาเส้าสูง ยาตราโดยริ้วขบวนราบไปยังพระบรมมหาราชวัง มีพระราชยานถมอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 นำริ้วขบวนราบ

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณี สิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระดำเนินเข้าริ้วขบวนราบ ในฐานะราชองครักษ์ประจำพระองค์คู่เคียงพระราชยาน ท่ามกลางประชาชนที่พร้อมใจกันเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ”

ขบวนเรืองดงามและยังคงความเป็นไทย เรือทั้ง 52 ลำ ตกแต่งสวยงาม ฝีพายพร้อมเพรียงเข้มแข็งสมกับเป็นทหารพระราชาและคงไว้ด้วยจารีตประเพณีไทย “ผมภาคภูมิใจมากที่ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกก็ว่าได้ที่มีประเพณีที่สวยสดงดงามอย่างนี้”

สมศักดิ์

เสียงแห่งความปลื้มปีติของ นายสมศักดิ์ พานิชศิริ วัย 69 ปี ที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จบริเวณสะพานพระราม 8 ก่อนเผยว่ารู้สึกปลาบปลื้มตื่นเต้นและดีใจที่มีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จในหลวงและทุกพระองค์ ขอให้ทุกพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ประชาชนชาวไทยไปตราบนานเท่านาน

นิตยา

ด้าน นางนิตยา เทพสุเพ็ญ อายุ 69 ปี ชาวสระบุรี เล่าว่า “เคยมาเฝ้าฯ รับเสด็จในหลวงร.9 ครั้งนี้อยากมาเข้าเฝ้าฯเพราะรักในหลวงทุกพระองค์ ขบวนเรือสวยงาม ในชีวิตนี้ก็เพิ่งมาเห็นประเพณีของไทยแบบนี้สักครั้งหนึ่ง ปลาบปลื้มและดีใจมากที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทยที่ร่มเย็นเป็นสุขด้วยพระบารมีจากในหลวงทุกพระองค์”

จำเนียร

นางจำเนียร สุขทรัพย์ อายุ 79 ปี เดินทางมาจาก จ.กำแพงเพชร เผยความรู้สึกว่า “ตื่นเต้นที่สุดที่ได้มารับเสด็จในหลวง พระราชินี และเจ้าฟ้าทั้ง 3 พระองค์ ตื้นตันใจและปลาบปลื้มที่พระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อประชาชน ดีใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยและอยู่ในแผ่นดินไทย เรือสวยมาก ยิ่งใหญ่วิจิตรงดงามมาก ไม่สามารถเทียบความงามกับขบวนเรืออื่นใดได้ในโลก ได้เห็นกำลังพล ฝีพาย ความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พระราชพิธีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของพระองค์ในการรักษา สืบสาน และต่อยอดโบราณราชประเพณี”

อุเทน

ขณะที่ นายอุเทน จิตราทร อายุ 72 ปี เล่าว่านั่งรถทัวร์มาจากจ.เชียงใหม่ ตั้งใจมาร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จ ทั้งเรือและริ้วขบวนยิ่งใหญ่อลังการ สวยงามจนไม่สามารถบรรยายได้ กำลังพลฝีพายตั้งใจ สามัคคีรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว นับเป็นพระราชพิธียิ่งใหญ่ที่สุดของคนไทย เป็นประวัติศาสตร์ของชาติที่ต้องจารึกไว้ในแผ่นดิน ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย

โอลิวิเยร์ กรีแวต

นายโอลิวิเยร์ กรีแวต นักเขียนและนักแปลอิสระ ประธานสมาคมสิ่งตีพิมพ์ เมือง โลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เล่าว่า “เดินทางมาเมืองไทย 20 กว่าครั้งแล้ว ชอบวัฒนธรรมไทย คนไทยน่ารัก การได้ชมพระราชพิธีในครั้งนี้รู้สึกขนลุกและประทับใจมาก ยิ่งทราบว่าเป็นพระราชพิธีโบราณกว่า 200 ปี เทียบกับยุคปฏิวัติฝรั่งเศสที่ขณะนี้เหมือนจะลบเลือนไปแล้ว แต่ไทยยังคงมีวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าและสวยงาม หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้วในโลกนี้ ทั้งเพลงเห่ ชุดแต่งกายของทหาร และผู้ร่วมขบวนในพระราชพิธี รวมทั้งความสวยงามของเรือ ประทับใจมากที่สุด”

นางอรกริยา ธีรอนันต์ อายุ 57 ปี ซึ่งมาเฝ้าฯรับเสด็จทางสถลมารค เผยว่าปลื้มใจที่ได้ชม พระบารมีใกล้ๆ พระราชพิธีต่างๆ งดงามมาก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทรงสวยงามมาก วันนี้ได้เห็นพระองค์ทรงพระดำเนินเคียงข้างพระราชยาน ขอให้ทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ชัยสิทธิ์ – กัชชรส

นางกัชชรส ไชยศรีมา อายุ 60 ปี กล่าวว่าตั้งใจมาร่วมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกช่วงปลาย เราผ่านช่วงอายุต่างๆ มามากมายแล้ว ครั้งหนึ่งได้ร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกปลื้มใจมาก เห็นพระองค์ชัดมาก มีความสุข ขอให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยต่อไป

ด้าน นายชัยสิทธิ์ ไชยศรีมา อายุ 67 ปี เผยว่า “เคยเห็นพระราชพิธีเสด็จฯ ทางชลมารคช่วงรัชกาลที่ 9 มาแล้ว ครั้งนี้ได้เห็นอีกนับว่าโชคดีมาก ดีใจมากที่ได้ชื่นชมพระบารมี ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานทั้งสองพระองค์”