“คุณเชื่อมั้ย ตอนนั้นผมไม่เคยรู้จักวิ่งมาก่อน แม้แต่รองเท้า ผมยังใส่รองเท้าตีเทนนิสวิ่งเลย ชวนใครวิ่งออกกำลังกายก็มีแต่คนหัวเราะเยาะผมจึงลองผิดลองถูก เดินบ้าง วิ่งบ้าง มา 3 เดือนเต็ม ๆ จนวิ่งได้ครบ 2 กิโลเมตรแรกได้สบาย”

  • รอดตายเพราะการวิ่ง หากเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ไม่สามารถชนะใจตัวเองด้วยการออกมาวิ่งได้ วันนี้ “ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม” ก็คงเหลือเพียงแต่ชื่อ เพราะในช่วงอายุ 40 ต้น ๆ ผมใช้ชีวิตติดประมาท โหมงานหนัก พักผ่อนน้อย กินข้าวไม่เป็นเวลา ดื่มหนัก ร่างกายจึงส่งสัญญาณเตือนทั้ง วูบ หน้ามืด แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หนักสุดคือ หมดสติไปแบบไม่รู้ตัว เมื่อไปตรวจผมจึงรู้ว่า นี่คืออาการของหัวใจเต้นผิดปกติ จากเส้นเลือดหัวใจตีบ “หัวใจที่ผมเคยไว้ใจ ตอนนี้กลายมาเป็นระเบิดเวลาที่ฝังอยู่ในอกผมแล้ว และก็ไม่รู้ว่ามันจะเล่นงานผมตอนไหน แต่ผมรู้อยู่อย่างเดียวว่าตอนนั้นผมยังตายไม่ได้…” จากความพยายามหาทางแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ จนมาได้อ่านบทความหนึ่งในหนังสือ “เอเชีย รันเนอร์” และก็พบว่าการวิ่งช่วยได้ ผมจึงใช้มันรักษาชีวิตให้กับผม

  • “วิ่งสู่ชีวิตใหม่” ดึงคนไทยใส่ใจสุขภาพ หลังจากออกวิ่งจริง ๆ จัง ๆ ร่างกายผมไม่แสดงอาการเหมือนที่เคยเป็นมาอีกเลย ผมเลยใช้ประสบการณ์ที่มีถ่ายทอดให้ความรู้กับผู้คนทั่วประเทศ เกิดเป็น “สมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย” จนถือกำเนิดงานวิ่งครั้งประวัติศาสตร์ของไทยอย่าง “วิ่งลอยฟ้าเฉลิมพระเกียรติ” ในปี 2530 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมนับแสนคนเลยทีเดียว ต่อมา สสส. ก็จัดงานวิ่งที่ใช้ชื่อ “วิ่งสู่ชีวิตใหม่” หรือ ThaiHealth Day Run เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ยิ่งช่วยปลุกกระแส ดึงนักวิ่งหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเท่ากับเป็นการตอกย้ำในเป้าหมายที่ทำให้คนไทยใส่ใจสุขภาพ ซึ่งจนถึงเวลานี้มีนักวิ่งในประเทศมากกว่า 17 ล้านคนแล้ว

  • “สร้างดีกว่าซ่อม” กับจุดเปลี่ยนเพื่อสุขภาพคนไทย 18 ปีแล้ว ที่ผมได้ทำหน้าที่ผลักดันประเด็นสุขภาพร่วมกับ สสส. ตามแนวทาง “สร้างดีกว่าซ่อม” คือดูแลร่างกายให้ดีโดยไม่ต้องรอให้ป่วย หลายเรื่องนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคม โดยเฉพาะการรณรงค์ลดอบายมุขทั้ง เหล้า บุหรี่ การพนัน ยาเสพติด และได้มีบทบาทการเป็นประธานกรรมการกำกับทิศสำนักสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม หรือ Social Marketing เพื่อส่งข้อมูลความจริงด้านการลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพแก่ประชาชน จนสังคมได้รู้จักโฆษณา “จนเครียด กินเหล้า” “ให้เหล้าเท่ากับแช่ง” และสื่อรณรงค์ลดอุบัติเหตุ สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนสังคมได้ในชั่วข้ามคืน

  • ขยับร่างกาย ก่อนสายเกินแก้ อีกเรื่องสำคัญที่ผมได้ขับเคลื่อนร่วมกับ สสส. คือ การกระตุ้นให้คนไทยหันมาใส่ใจกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง สิ่งนี้ยังเป็นรูปแบบที่ทั่วโลกตื่นตัวอย่างมาก เพราะเป็นวิธีการง่าย ๆ ที่ช่วยจัดการภัยคุกคามต่อสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงตรงนี้ผมจึงอยากชวนให้ทุกคนคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของร่างกาย ทุกคนมีหน้าที่ต้องดูแลสุขภาพ กายใจ ให้เข้มแข็ง ไม่ใช่ไปทำร้ายร่างกายด้วยอบายมุข และการใช้ชีวิตอยู่อย่างเนือยนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวออกกำลังกาย เพราะหากจะรอให้ป่วยแล้วไปรักษาก็คงสายเกินแก้แล้ว

    ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม







Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน