เที่ยว‘ฮอยอัน เว้’สุดฮิต

เมืองต้องมนต์เวียดนาม

คอลัมน์ หลากหลาย

โดย…คนธ์พงษ์ ธนัชพงศ์จิร

เที่ยว‘ฮอยอัน เว้’สุดฮิต – เป็นประเทศที่ไม่ไกล ไปได้ตลอด สำหรับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม มาทีไรก็ประทับใจเสมอ เพราะประเทศนี้เที่ยวได้เหนือจรดใต้ ถูกใจทั้งสายธรรมชาติและสายวัฒนธรรม การเดินทางก็สะดวกสบาย เที่ยวได้ทั้งปี ราคาประหยัดด้วย

กลับมาเวียดนามรอบนี้ ได้ไปเยือนเวียดนามตอนกลาง ในรูตสุดฮิต อย่าง ดานัง ฮอยอัน เว้ ตามเส้นทางประวัติศาสตร์ เมืองมรดกโลก ยังคงทำให้ตื่นเต้นประทับใจเหมือนเดิม โดยเฉพาะ ผู้สนใจประวัติศาสตร์ เส้นทางนี้เป็นอีก เส้นทางที่ห้ามพลาด

สะพานญี่ปุ่น สวยงามยามค่ำคืนในฮอยอัน

นั่งเรือชมเมืองฮอยอัน

สุสานจักรพรรดิไค ดิงห์

เริ่มต้นทริป ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ก็บินตรงไปลงที่เมืองดานัง ได้ง่ายๆ ปัจจุบันมีหลายสายการบิน บินตรงไปสู่เมืองดานัง ในระยะเวลาสั้นๆ

ดานัง ชื่อนี้เริ่มคุ้นหูคนไทยขึ้นเรื่อยๆ เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลาง ช่วงหลังนักท่องเที่ยวไทยนิยมเดินทางไป ดานัง โดยมีจุดหมายปลายทางคือสวนสนุกบานาฮิลล์ ที่ต้องนั่งรถกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไป หลายคนคงจำได้ ก็ที่ที่มีสะพานรูปมือใหญ่ๆ ที่ชอบไปถ่ายรูปกันนั่นแหละ

แต่มาดานังครั้งนี้ ไม่ได้ไปสวนสนุก ลงเครื่องปุ๊บเดินทางต่อไปที่แรกคือ ฮอยอัน ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ แต่เสน่ห์ล้นเหลือ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ไม่ไกลจากดานัง แค่ประมาณ 30 กิโลเมตรเท่านั้น

ประตูพระราชวังเว้

ศาลเจ้ากวนอู เมืองฮอยอัน

วิธีการเดินทางมาได้หลากหลาย ทั้งรถเมล์ หรือแท็กซี่ แต่ที่แนะนำคือ กดเรียกแท็กซี่ผ่านแอพฯ ชื่อดัง เพราะจะได้ราคามาตรฐาน ไม่แพง และไม่เสี่ยงถูกโกงด้วย ราคารวมแล้วไม่เกิน 500 บาท ถ้ามีเพื่อนร่วมทางไปด้วย แชร์กันยิ่งถูกไปอีกนะ

ฮอยอัน หรือออกเสียงแบบเวียดนามว่า โห่ยอาน เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีอดีตอันรุ่งเรือง เคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 มีชาวต่างชาติเข้ามาค้าขายมากมาย ทั้งคนจีน ญี่ปุ่น ดัตช์ รวมไปถึงอินเดีย สภาพความเจริญรุ่งเรืองผสมผสานระหว่างเอเชียและตะวันตก กลายมาเป็นความสวยงามที่ลงตัวแบบฮอยอันมาถึงปัจจุบัน

การท่องเที่ยวในฮอยอัน ทำได้ง่ายๆ นักท่องเที่ยวสามารถเดินหรือปั่นจักรยานเที่ยวบริเวณเมืองโบราณ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ทูโบน ชมสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล แวะศาลเจ้าต่างๆ

ป้อมปราการเมืองเว้

ท้องพระโรงพระราชวังเว้

ไฮไลต์สำคัญคือ สะพานญี่ปุ่น สะพานข้ามคลองโบราณที่เปรียบได้กับสะพานมิตรภาพ ที่ชาวญี่ปุ่นสร้างไว้ให้เมื่อนานมาแล้ว ใครมาต้องไม่พลาดแวะถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึก

ก็เพราะความคลาสสิคแบบนี้ ปี 2542 องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ขึ้นทะเบียนเมืองเก่า ฮอยอัน เป็นมรดกโลก เพราะจุดเด่นของการ เป็นเมืองท่า ที่ผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมของต่างชาติและท้องถิ่น ได้อย่างมีเอกลักษณ์

อาหารการกินของฮอยอันก็มีให้กินกันอยู่ทั่วไป ตั้งแต่สตรีตฟู้ดข้างทางแบบเวียดนามแท้ๆ แบบที่เราไม่ได้เห็นที่เมืองไทย หากินได้ตามตลาดกลางคืน หรือตามร้านอาหารริมแม่น้ำ นั่งชิลเย็นๆ ดูเมือง ดูผู้คน ได้บรรยากาศจริงๆ

เจดีย์วัดในเมืองเว้ สถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากจีน

ฮอยอันเป็นเมืองเล็กๆ เฉพาะในตัวเมืองเดินเที่ยววันเดียวก็หมด แต่ความประทับใจยังไม่หมด ถึงเวลาเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป คือเมืองเว้

การเดินทางจากฮอยอันไปเว้ไปได้หลายทาง เช่น รถทัวร์ หรือจะเหมาแท็กซี่ไปก็ยังได้

เว้ ตั้งอยู่ห่างจากฮอยอันไปทางเหนือร้อยกว่ากิโลฯ แต่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เส้นทางถนนที่พาเราไปสู่เว้ เรียกว่าสวยงามติดอันดับของเวียดนาม ทั้งเลียบชายทะเล ผ่านภูเขาสูง อย่ามัวหลับเพลินจนลืมมองออกไปนอกหน้าต่าง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!

หอสมุดจักรพรรดิ

เว้ เป็นเมืองหลวงเก่าของเวียดนาม ในยุคราชวงศ์เหวียน หากดูแผนที่แล้วก็ตั้งอยู่แทบจะกึ่งกลางของประเทศเวียดนามจริงๆ โดยตั้งอยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร และห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางเหนือประมาณ 644 กิโลเมตร

ขึ้นชื่อว่าเมืองหลวงเก่า แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ จัดเต็ม ใครชอบสายนี้รับรองไม่ผิดหวัง

การท่องเที่ยวทั่วเมืองเว้ สามารถเช่ารถเที่ยวเองได้ หรือหากอยากได้ความสะดวกสบายขึ้นมาหน่อย แนะนำซื้อแพ็กเกจทัวร์แบบรายวัน บริษัททัวร์จะมารับนักท่องเที่ยวที่ซื้อทัวร์ไว้จากโรงแรม พาไปเก็บสถานที่สำคัญครบถ้วนใน 1 วัน ในราคา ไม่แพง แถมมีไกด์คอยอธิบายประวัติความเป็นมาของสถานที่ต่างๆ ด้วย

หอสมุดจักรพรรดิ

แม่น้ำหอม แม่น้ำสายหลักของเว้

ไฮไลต์ที่เที่ยวหลักๆ คือป้อมปราการเมืองเว้ แนวกำแพงและป้อมขนาดใหญ่ โอบล้อมพระราชวังเมืองเว้ ที่ดูเหมือนพระราชวังต้องห้ามที่กรุงปักกิ่ง ขนาดย่อมๆ

จักรพรรดิซา ล็อง หรือ องเชียงสือ ปฐมจักรพรรดิราชวงศ์เหวียน โปรดให้สร้างพระราชวังที่เมืองเว้ ตั้งแต่ปี 2347 (สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) เป็นศูนย์กลางการปกครอง และที่ประทับของจักรพรรดิเวียดนามถึง 13 พระองค์ หรือเกือบ 150 ปี จนถึงรัชสมัยสุดท้าย จักรพรรดิบ๋าว ดั่ย

ภายในพระราชวังแห่งนี้ยังคงมีมนต์ขลัง แม้อาคารบางส่วน จะพังทลายไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังรักษาสภาพได้ดี ไม่ว่าจะเป็นท้องพระโรง หรือหอสมุด และประตูพระราชวัง ศิลปะจีนผสมเวียดนาม สวยงามไม่แพ้พระราชวังไหนๆ ภายในอาคารยังมีนิทรรศการจัดแสดง ข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อนให้ชมกันด้วย

อีกหนึ่งไฮไลต์มรดกโลกเมืองเว้ คือสุสานสถานที่ฝังพระศพของจักรพรรดิ ที่แต่ละพระองค์จะใช้เวลาหลายปีในการเลือกสถานที่เหมาะสม สร้างสุสานที่ฝังพระศพของพระองค์เอง ตั้งแต่ที่ยังไม่สิ้นพระชนม์ สุสานแต่ละแห่งจึงสะท้อนรสนิยมและเอกลักษณ์ของจักรพรรดิแต่ละพระองค์ไว้ทั้งสิ้น

ภายในสุสานจักรพรรดิพระองค์ที่ 12

พระรูปจักรพรรดิไค ดิงห์

พระราชลัญจกรจักรพรรดิเวียดนาม

สุสานที่ว่ากันว่าสวยที่สุด คือสุสานของ ไค ดิงห์ จักรพรรดิพระองค์ที่ 12 ที่สร้างด้วยปูนซีเมนต์และหินอ่อน ผสมผสานศิลปะแนวตะวันออกและตะวันตกอย่างสวยงาม ไม่ควรพลาดแวะไปเยี่ยมชม

เย็นย่ำอย่าลืมแวะมาเดินเล่นริมแม่น้ำหอม แม่น้ำที่ไหลผ่านกลางเมืองเว้ อากาศเย็นๆ ก็ช่วยทำให้จิตใจสงบไม่น้อย

สตรีตฟู้ดฮอยอันแท้ๆ

ถนนคนเดินเมืองเว้

มาเที่ยวเวียดนามครั้งนี้ แม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ได้ความเพลิดเพลินแถมความรู้ครบถ้วน

วันหยุดหน้าใครยังไม่มีแพลนไปไหน ลองให้เวียดนามเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก คงจะน่าสนใจไม่น้อย