คอลัมน์ รู้ไปโม้ด
น้าชาติ ขอความรู้เรื่องช้าง แมมมอธ เขาจะฟื้นคืนชีพได้จริงหรือครับ
รัฐ นวนนท์
ตอบ รัฐ นวนนท์
ทำความรู้จักกับเจ้าของบิ๊กเนมแห่งโลกดึกดำบรรพ์กันก่อน แมมมอธ (Mammoth) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตระกูลช้างที่อาศัยอยู่ในยุคน้ำแข็งเมื่อกว่า 20,000 ปีก่อน จัดอยู่ในวงศ์ Elephantidae เช่นเดียวกับช้างที่ยังดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน โดยอยู่ในสกุล Mammuthus พบกระจายพันธุ์ทั่วโลก โดยเฉพาะทวีปยุโรปและเอเชียเหนือ เช่น ไซบีเรีย ยกเว้นออสเตรเลียและอเมริกาใต้ เป็นช้างที่มีลำตัวและงาใหญ่กว่าช้างยุคปัจจุบันมาก
ทั้งนี้ คำว่า แมมมอธ มาจากศัพท์ Mammal หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งกับมนุษย์ในยุคหินเก่า ด้วยการล่าเอาเนื้อเป็นอาหาร หนังและไขมันเป็นเครื่องสร้างความอบอุ่น มีภาพเขียนสีบนผนังถ้ำหลายแห่งที่ให้ภาพการล่าแมมมอธด้วยอาวุธที่ทำจากหิน
แมมมอธกำเนิดขึ้นมาเมื่อราว 2.6 ล้านปีก่อน ในยุคไพลโอซีนตอนต้น และสูญพันธุ์อย่างสิ้นเชิงเมื่อ 11,700 ปีที่ผ่านมา (แมมมอธ ตัวสุดท้ายที่สูญพันธุ์ คือ แมมมอธแคระ อาศัยบนเกาะแรงเกลในทะเลอาร์กติก เมื่อราว 3,700 ปีก่อน)
แมมมอธมีขนาดโดยเฉลี่ย 4 เมตร (14 ฟุต) ตั้งแต่เท้าจนถึงหัวไหล่ มีสีขนที่หลากหลายตั้งแต่น้ำตาล หรือน้ำตาลออกเหลือง ความยาวขนตั้งแต่ 2.5 เซนติเมตร (1 นิ้ว) จนถึง 50 เซนติเมตร (20 นิ้ว) ภายใต้ผิวหนังหนาและมีชั้นไขมันเป็นฉนวนกันความหนาว 8 เซนติเมตร (3 นิ้ว)
มีส่วนหัวที่กลม ใบหูเล็กกว่าช้างในยุคปัจจุบันมาก มีโหนกไขมันอยู่บริเวณส่วนหลัง งายาวโค้งได้ถึง 13 ฟุต (4 เมตร) มีฟันกรามเป็นสัน
ทั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเหมาะแก่การอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่ความหนาวเย็นในยุคน้ำแข็ง เพื่อรักษาความอบอุ่นในร่างกาย
แมมมอธจำแนกออกได้เป็นทั้งหมด 9 ชนิด แต่ละชนิดมีลักษณะ รูปร่าง แตกต่างกันออกไป ชนิดที่เป็นที่รู้จักดีที่สุดคือแมมมอธขนดก (Mammuthus primigenius) ที่มีขนปกคลุมอยู่ทั้งตัว
เชื่อว่าแมมมอธสูญพันธุ์เพราะถูกมนุษย์ล่าจนหมด แต่จากการศึกษาด้านพันธุกรรมศาสตร์และดีเอ็นเอพบว่า แมมมอธมีสายสัมพันธ์ใกล้เคียงกับ Elephas หรือช้างเอเชียยุคปัจจุบัน จึงมีความพยายามจากนักวิทยาศาสตร์ที่จะโคลนนิ่งตัวอ่อนของแมมมอธให้เกิดขึ้นมาให้ได้ โดยให้แม่ช้างเอเชียอุ้มท้อง จากการสกัดนิวเคลียสจากซากดึกดำบรรพ์ของลูกแมมมอธที่ ค่อนข้างสมบูรณ์ เพราะแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็ง จากไขกระดูกบริเวณต้นขา
และจากหลักฐานใหม่ที่ได้ศึกษาพบว่าแมมอธสูญพันธุ์ไปเพราะสาเหตุการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมากกว่า โดยประชากรในยุโรปเกือบสูญพันธุ์ไปก่อนหน้านั้นเมื่อ 20,000-30,000 ปีก่อน จากนั้นเมื่อ 14,000 ปีก่อนโลกเริ่มมีอุณหภูมิอุ่นขึ้น จึงพากันสูญพันธุ์ เนื่องจากสภาพร่างกายที่ใหญ่และมีขนยาวปกคลุมลำตัว
ในปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ.2012 มีการค้นพบซากลูกแมมมอธอายุราว 30,000 ปี ที่สมบูรณ์มากตัวหนึ่งที่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือห่างจากกรุงมอสโกราว 3,500 กิโลเมตร โดยเด็กชายวัย 11 ขวบ นับเป็นการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่สมบูรณ์มากซากหนึ่งในรอบนับร้อยปี เชื่อว่าลูกแมมมอธตัวดังกล่าวตายลงเมื่อมีอายุได้ 16 ปี มีความสูงได้ 2 เมตร
เกี่ยวกับการคืนชีพแมมมอธ นำคำตอบมาจากเว็บไซต์บีบีซีที่รายงานไว้เมื่อ 20 มี.ค.2560 เรื่องคืนชีพแมมมอธขนยาวใน 2 ปีข้างหน้า ทำได้จริงหรือไม่? โดยระบุว่า เมื่อไม่นานมานี้ข่าวความพยายามคืนชีพช้างแมมมอธขนยาวที่สูญพันธุ์ไปแล้วนับหลายพันปี โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดสร้างความ ฮือฮาให้กับวงการวิทยาศาสตร์อย่างมาก โดย ศ.จอร์จ เชิร์ช ผู้นำโครงการ ประกาศว่าจะคืนชีพแมมมอธได้ภายในเวลาเพียง 2 ปีนับจากนี้
ฉบับพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) ติดตามการคืนชีพของแมมมอธ