“นทธี ศศิวิมล”

หญิงสาวทีมนักสืบออนไลน์ที่เพิ่งลงพื้นที่เป็นครั้งแรกถึงกับหวาดกลัวจนจับไข้ เมื่อนึกถึงว่า วิญญาณลึกลับเจ้าของกระดูกเท้าที่มาปรากฏตัวในภาพถ่ายนั้นมีจริงตามคำร่ำลือ เธอกลัวจนออกปากว่าจะขอลาไปปฏิบัติธรรมบวชชีพราหมณ์ที่วัด แต่ก็ยังไปไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขอให้เธอมาให้ปากคำในฐานะที่พบศพเป็นคนแรก

ทว่า แม้จะพบกระดูกเท้าของมนุษย์ที่ซอกหินนั้น แต่การจะยืนยันว่าเป็นศพของใครก็ยังคงต้องใช้เวลา ที่สำคัญ กระดูกที่พบนั้นก็เป็นเพียงกระดูกเท้าที่มีเพียงชิ้นเดียวกระดูกที่เป็นส่วนอื่นๆของร่างกายยังไม่พบว่าอยู่ที่ใด ถึงตอนนี้ทั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยจากมูลนิธิต่างๆ ต่างก็ระดมกันมาเต็มกำลังเพื่อค้นหาชิ้นส่วนโครงกระดูกของศพ

ญาติของผู้สูญหายพากันมาเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อวันแรกผ่านไป ยังไม่มีการพบชิ้นส่วนศพเพิ่ม ทางแม่ของผู้สูญหายก็ร้องไห้ และเอาธูปหนึ่งดอกมาจุด ปักบริเวณที่พบกระดูกเท้า พูดว่า หากดวงวิญญาณของลูกยังอยู่ที่นี่ ขอให้ช่วยดลบันดาลให้พบศพลูกด้วย เพื่อที่แม่และญาติๆ จะได้นำศพของลูกไปประกอบพิธีทางศาสนาให้ถูกต้อง เพื่อวิญญาณลูกจะได้ไปสู่สุคติ นอกจากนี้จะได้มาช่วยกันสืบหาว่าใครเป็นคน ที่ทำร้ายลูก เพื่อจะได้พาตัวมันมาดำเนินคดีให้ได้ตามกฎหมายด้วย

และเป็นธรรมดา เมื่อมีการพบศพที่นี่จริง บริเวณโค้งผาแห่งนี้ก็กลายเป็นที่พูดถึงกระหน่ำโลกออนไลน์อีกครั้ง คราวนี้หลายคนที่เคยมาที่นี่และถ่ายรูปติดวิญญาณกลับไป ต่างก็พากันพร้อม ใจออกมาโพสต์รูปติดวิญญาณสาวเสื้อเหลือง โดยเทียบกับภาพถ่ายล่าสุดก่อนหายตัวไปที่ญาตินำมาเผยแพร่ และพากันมาวิเคราะห์ว่าบริเวณที่ถ่ายติดวิญญาณ มักจะเป็นจุดเดิมที่ซ้ำๆกัน เหมือนเธอพยายามบอกอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นการบอกจุดที่ศพของเธอซ่อนอยู่ก็ได้

เช้าวันรุ่งขึ้น ทีมค้นหาพากันออกไปปฏิบัติการค้นหาศพกันอีกครั้ง คราวนี้แม้จะฟังดูเหนือธรรมชาติสักหน่อย แต่พวกเขาก็ใช้ลายแทงที่นักสืบออนไลน์ทำไว้ให้ตามบริเวณที่วิญญาณสาวเสื้อเหลืองปรากฏตัวในภาพถ่าย และไม่น่าเชื่อว่า เพียงเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง ก็สามารถเก็บกู้ซากโครงกระดูกของเธอได้ครบทั้งร่าง โดยญาติที่ติดตามการค้นหาทั้งยินดีที่พบศพและเศร้าเสียใจ ตกใจ เมื่อได้รู้ว่าญาติที่หายไปนั้นได้ถูกฆาตกรรมหั่นศพแยกฝังไว้หลายจุดอย่างน่าสยดสยองยิ่ง

แต่ก็มีเรื่องที่น่าตกใจหนักไปกว่านั้นอีก คือ บริเวณจุดสุดท้ายที่พบกะโหลกศีรษะคือใต้ต้นไม้ใหญ่ สูงขึ้นไปอีกราวสี่เมตรในดงไม้หนาทึบ มีศพปริศนาอีกศพแขวนคอตายห้อยอยู่ สภาพศพยังใหม่ไม่น่าจะเกินสองวัน สืบทราบต่อมา ว่าศพชายคนนั้นเป็นอดีตเพื่อนของหญิงสาวเสื้อเหลืองที่หายตัวไป เป็นเพื่อนคนเดียวกับที่เธอตั้งใจจะขับรถมาเยี่ยมในวันที่หายตัวไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้วนั่นเอง

ทางตำรวจได้ติดตามไปสืบถามจากทางญาติของผู้ตายชายทราบว่า ก่อนหน้านี้สองวัน ผู้ตายดูข่าวการปรากฏตัวของผีหญิงเสื้อเหลืองในภาพ ถ่าย จู่ๆ ก็เกิดกระวนกระวาย กระสับกระส่ายอยู่ไม่ได้ บอกทางบ้านไว้ว่าจะมาช่วยเขาตามหาศพเพื่อน ท่าทางหวาดกลัวดูไม่ค่อยมีสติเหมือนคนอดนอน แม้ว่าจะพากันห้ามแต่เขาก็ยังออกจากบ้านไป หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีก มาพบอีกทีก็เป็นศพเสียแล้ว ทั้งนี้ทางบ้านบอกว่าก่อนหน้านี้ชายผู้นี้ไม่ได้มีเรื่องทุกข์ใจ ป่วย หรือมีปัญหาอะไรใหญ่โตถึงขนาดที่น่าจะคิดฆ่าตัวตายได้ แถมยังเป็นคนกลัวความสูง ปีนต้นไม้ก็ไม่เป็น เลยแจ้งทางตำรวจขอให้ช่วยสืบคดีให้ด้วยเพราะคิดว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรมมากกว่า

ตำรวจสืบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงของผู้ตายทั้งสอง สืบลงไปจนพบว่าเมื่อราวยี่สิบปีก่อน ผู้ตายชายเคยมีประวัติพัวพันคดีโจรกรรมรถหลายคันและเพิ่งพ้นอายุความมาไม่นานนี้เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ และอาจเกี่ยวข้องกับการหายไปของเพื่อนสาวที่เป็นข่าวและเรื่องที่รถของเธอถูกแยกส่วนส่งไปขายชายแดนอีกด้วย

แต่กระนั้นเนื่องจากระยะเวลาที่ยาวนาน หลักฐานอื่นๆ น่าจะหาได้ยากมากแล้ว อีกทั้งทางญาติฝ่ายหญิงที่เสียชีวิตที่ตอนนี้ผลตรวจดีเอ็นเอจากศพยืนยันแล้วว่าเป็นคนที่หายตัวไปจริงๆ บอกว่าไม่ติดใจจะสืบค้นอะไรนอกจากอยากได้ศพผู้ตายคืนเพื่อไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทางตำรวจจึงนัดญาติทั้งสองฝ่ายมาพบกันในวันรับศพที่โรงพยาบาลเพื่อคุยทิศทางในการดำเนินงานต่อไป

เรื่องเหมือนจะจบลงอย่างสงบได้แล้ว กระทั่งแม่ของฝ่ายผู้ตายชาย บอกว่าลูกมาเข้าฝัน ให้มา กราบขออโหสิกรรมกับแม่สาวเสื้อเหลืองแทนด้วย จะด้วยเรื่องอะไรก็ไม่ทราบได้ ในวันนั้นเองที่ทั้งสองฝ่ายได้เห็นหลักฐานที่ทางตำรวจเก็บมาจากที่พบศพผู้ชายแขวนคอ แล้วต่างก็ต้องขนลุกขนพองหวาดผวากันอีกครั้ง เมื่อน้องสาวของสาวเสื้อเหลืองที่เห็นพี่สาวเป็นคนสุดท้ายก่อนออกไปในวันนั้นยืนยันว่า ผ้าที่ใช้แขวนคอชายคนนั้นเป็นเสื้อสีเหลืองตัวเดียวกับที่พี่สาวของเธอสวมในคืนวันที่หายตัวไปไม่มีผิด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน