รากฟันเทียมเซรามิก‘รากฟันเทียม’ เป็นวิธีการทดแทนฟันที่สูญเสียไป ซึ่งเกิดขึ้นได้ในหลายกรณี โดยทันตแพทย์จะพิจารณาทำรากฟันเทียมให้เฉพาะผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป หรือหยุดการเจริญเติบโตแล้วเท่านั้น

ปัจจุบัน ‘ไทเทเนียม’ เป็นวัสดุที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตรากฟันเทียม ซึ่งอาจจะมีข้อจำกัดในผู้ที่แพ้โลหะ แต่ปัจจุบันได้พบว่า ‘เซรามิก’ ได้กลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถนำมาใช้ทดแทนไทเทเนียม โดยให้ความแข็งแรงที่ใกล้เคียงกัน และอาจจะทำให้สวยงามได้ดีกว่า เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีสี คล้ายฟันธรรมชาติ

ผศ.เรืออากาศโท ทันตแพทย์ชัชชัย คุณาวิศรุต ภาควิชาทันตกรรมทั่วไปขั้นสูง คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อาจารย์ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำรากฟันเทียมเปิดเผยว่า อุปสรรคที่พบในผู้ป่วยที่เข้ารับการทำรากฟันเทียมส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความกลัว

เพราะว่าในการทำรากฟันเทียมทันตแพทย์ต้องฝังรากฟันเทียมลงไปในกระดูกที่อยู่ในช่องปากของผู้ป่วย ทำให้บางรายกลัวว่าจะเจ็บ หรือปวดระบมหลังทำ แต่กระบวนการ หรือวิธีการทำรากฟันเทียมปัจจุบันพัฒนาขึ้นจนทำให้แผลที่เกิดขึ้นเล็กมาก

และในระหว่างทำก็มีการฉีดยาชา ผู้ป่วยจึงไม่ได้รับความเจ็บปวด นอกจากความกลัวแล้ว อีกอุปสรรคที่สำคัญ คือ ค่าใช้จ่ายที่ ค่อนข้างสูง ซึ่งขึ้นอยู่กับวัสดุที่ทำ และสถานที่ให้บริการ

ตนทำงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องของการใช้เทคโนโลยีดิจิตอล มาช่วยลดความผิดพลาดในการฝังรากเทียม โดยเริ่มต้นจากการเอกซเรย์สามมิติ และการพิมพ์ปาก แล้วนำภาพถ่ายรังสีที่ได้กับแบบจำลองที่ได้จากการพิมพ์ปากมากำหนดตำแหน่งของรากฟันเทียมที่ถูกต้องโดยใช้ซอฟต์แวร์เข้าช่วย โดยวิธีการนี้จะทำให้ทันตแพทย์มองเห็นอวัยวะที่สำคัญๆ เช่น หลอดเลือด หรือเส้นประสาทได้ชัดเจน พร้อมทั้งเลือกขนาดของรากฟันเทียมได้อย่างถูกต้อง และกำหนดตำแหน่งรากฟันเทียมได้มีความแม่นยำเพิ่มขึ้นอีกด้วย

จากงานวิจัยเราได้ใช้รากฟันเทียมเซรามิกตัวเล็ก ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมกับคนที่มีปริมาณกระดูกน้อย หรือไม่ต้องการเสริมกระดูกในปริมาณมาก โดยผลการวิจัยในเบื้องต้นพบว่า อัตราความสำเร็จของรากฟันเทียมเซรามิก ใกล้เคียงกับรากฟันเทียมที่ทำจากไทเทเนียม และมีความสวยงามเป็นที่ พึงพอใจแก่ผู้ป่วย แต่ผลการศึกษาดังกล่าว ยังเป็นการติดตามผลในระยะสั้น คือ ประมาณ 1 ปี จึงยังต้องมีการติดตามผลในระยะยาวต่อไป

คำถามที่พบบ่อยในการรับการรักษาโดยรากฟันเทียมคำถามหนึ่ง คือ รากฟันเทียมไทเทเนียม หรือเซรามิก แบบไหนจะอยู่ในช่องปากได้นานกว่ากัน ซึ่งในที่จริงแล้วรากฟันเทียมจะอยู่ได้นานหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัสดุ แต่ขึ้นอยู่กับการดูแลของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

จากการศึกษาติดตามผล 30 ปี หลังการรักษาด้วยรากฟันเทียมไทเทเนียมของผู้ป่วย พบว่า ในกรณีที่ผู้ป่วยดูแลและรักษาความสะอาดได้ดี ผู้ป่วยยังสามารถใช้รากฟันเทียมได้อย่างเป็นที่น่าพึงพอใจ

แต่ถ้าผู้ป่วยทำความสะอาดได้ไม่ดี แม้รากฟันเทียมจะไม่ผุเหมือนฟันธรรมชาติ แต่อาจเกิดโรคเหงือก ทำให้กระดูกรอบๆ รากเทียมถูกทำลาย จนทำให้รากเทียมโยก แล้วหลุดออกได้ ในส่วนของรากฟันเทียมเซรามิกยังคงต้องมีการติดตามผลในระยะยาวต่อไป

“อย่างไรก็ตาม ‘ฟันจริง’ ก็ดีกว่ารากฟันเทียม อยากให้ทุกคนมาใส่ใจดูแลรักษาความสะอาดให้ฟันของเราอยู่ในช่องปากได้นานที่สุด ให้รากฟันเทียมเป็น ‘ฟันชุดสุดท้าย’ ในกรณีที่จำเป็นต้องสูญเสียฟันจริงไปแล้ว ดีกว่า”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน