ก่อนมาเป็นพรรคเพื่อไทย

แต่เดิมเริ่มแรกคือ พรรคไทยรักไทย พรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 และจดทะเบียนก่อตั้งวันที่ 14 ก.ค.2541 โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมกับผู้ร่วมก่อตั้งอีก 23 คน

ช่วงปี 2542-2543 มีนักการเมือง ย้ายพรรคเข้าไปอยู่ในพรรคไทยรักไทยจำนวนหลายคน จนทำให้พรรคกลายเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่เพียงเวลาไม่ถึงปี

ซึ่งพรรคไทยรักไทยเสนอนโยบายที่คุ้นหูกันดี อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค, โครงการพักชำระหนี้เกษตร 3 ปี กองทุนหมู่บ้าน รวมไปถึงความตั้งใจที่จะกวาดล้างปัญหาสงครามและยาเสพติดอย่างจริงจังอีกด้วย


วันที่ 6 ม.ค.2544 พรรคไทยรักไทย เอาชนะพรรคคู่แข่งด้วยจำนวนส.ส.ระบบเขต 208 คน และระบบรายชื่ออีก 48 คน รวมทั้งสิ้น 256 คน ทำให้พรรคไทยรักไทยมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลได้

เลือกตั้ง 2548 พรรคไทยรักไทย

แม้ก่อนหน้าการเลือกตั้งจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นในประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องไข้หวัดนก, ความสงบในพื้นที่เขตชายแดนภาคใต้ ,วิกฤตการณ์ราคาน้ำมัน แต่ทว่าผลการเลือกตั้งวันที่ 6 ก.พ. 2548 ยังตกเป็นของพรรคไทยรักไทย ด้วยคะแนนเสียง 376 ที่นั่ง

ส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่สามารถเข้าบริหารประเทศเป็นวาระที่ 2

ยุคพรรคไทยรักไทย 2549

วันที่ 24 ก.พ.2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจ “ยุบสภา” เป็นการยุติชุดรัฐบาลที่ได้ขึ้นชื่อว่าแข็งแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

ต่อมาผู้มียื่นเรื่องร้องต่อกกต.ว่า พรรคไทยรักไทยได้จ้างพรรคเล็ก เพื่อจะเกณฑ์คะแนนเสียงให้พรรคตนเองอีก 20 เปอร์เซ็นต์

เป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักไทย และถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี

ตั้งพรรคพลังประชาชนขึ้นมาแทน

พรรคพลังประชาชน เป็นพรรคการเมืองที่ก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2541 ช่วงก่อนการเข้าร่วมของกลุ่มไทยรักไทย

แต่หลังจากพรรคไทยรักไทยโดนยุบ บรรดาสมาชิกพรรคได้ย้ายมาสังกัดพรรคนี้

โดยพรรคพรรคพลังประชาชน มีนายกรัฐมนตรีถึง 2 คน คือ นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย พร้อมตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารของแต่ละพรรคเป็นเวลา 5 ปี อันเนื่องมาจากกรณีทุจริตการเลือกตั้ง

ก่อตั้งพรรคเพื่อไทย

จัดตั้งขึ้นวันที่ 20 ก.ย.2551 โดยหัวหน้าพรรคคนแรกคือ นายบัณจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ ส่วนเลขาธิการพรรคคนแรก คือ นายโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์

พร้อมคำขวัญประจำพรรคที่ว่า “ขอคิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทยทุกคน…อีกครั้ง”

โดยพรรคเพื่อไทยมีนายกรัฐมนตรี 1 คน คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ต่อมาเมื่อพรรคต้องมาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ในช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มอบหมายให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทำหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลาออกจากประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย

วันที่ 25 ก.ย.2563 คุณหญิงสุดารัตน์ ประกาศลาออกจากประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย

พร้อมด้วยนายโภคิน พลกุล และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ลาออกจากกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้วย

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ได้ออกมาโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า ขอลาออกจากการเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย แต่ยังคงเป็นสมาชิกในพรรคอยู่และยังพร้อมต่อสู้เคียงข้างประชาชน

นอกจากนี้พรรคยังเตรียมปรับกรรมการบริหารพรรคใหม่ทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นการผ่าตัดพรรคครั้งใหญ่ก็ว่าได้

พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนโลโก้

ล่าสุดวันที่ 28 ก.ย. พรรคเพื่อไทยได้ทำการเปลี่ยนโลโก้ดั้งเดิมของพรรค โดยลักษณะลบเหลี่ยมตัวอักษร พ.พาน และ ท.ทหาร ให้มีความโค้งมากขึ้น แถบธงชาติทั้ง 3 สีเท่ากันมากขึ้น

จากเดิมตัวอักษรไม่มีหัว ตอนนี้ตัวอักษรมีหัว ทั้ง พ.พาน และ ท.ทหาร โดยใช้พื้นฐานตัวอักษรชื่อ “อู่ทอง” ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวอักษรที่ใช้ตั้งแต่เริ่มต้น ปรับหางที่ตัดให้ตรงเท่ากัน

โลโก้ใหม่เปลี่ยนลิขิตฟ้า ?

นายชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง หรือ “ซินแสเข่ง” ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โก้ใหม่พรรคเพื่อไทย มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้มีความกลมกลืนเป็นธาตุน้ำ จากเดิมที่เป็นธาตุไฟมีการใช้หัวอักษรเป็นลักษณะหัวแหลมทำให้มีความร้อนแรง ซึ่งต้องระวังเพราะใช้ในหมู่คนจำนวนมากที่ต้องอยู่ร่วมกันมักก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง เกิดความแตกแยกวุ่นวายสับสน ก่อให้เกิดความไม่เข้าใจในการรวมกลุ่มต่างฝ่ายต่างความคิด
นายชนม์ทรรศน์ กล่าวว่า “แต่โลโก้ใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงใช้หัวอักษรเป็นธาตุน้ำ ลักษณะหัวกลมมนธาตุน้ำ ตามหลักของโหราศาสตร์จีนทำให้การอยู่ร่วมกันมีการปรับตัวเข้าหากันในการทำงานของคนหมู่มาก ประกอบกับการวางโลโก้ใหม่ครั้งนี้ของพรรคเพื่อไทย มีตัวอักษรอยู่ด้านล่างซึ่งจะเป็นฐานรองรับ อักษร พ.ท.เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับพรรคมากขึ้นอีกด้วย ถือว่าเป็นนิมิตใหม่ของพรรคการเมืองเพื่อไทย ที่อาจจะทำให้การบริหารงานของรัฐบาลสั่นคลอนได้ เพราะในตัวรัฐบาลนั้นมีผลกระทบอยู่หลายคน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน