หากพูดถึงประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านอาหาร สิงคโปร์น่าจะติดอันดับต้นๆของโลก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารท้องถิ่นมากมาย อาทิ จีน มาเลย์ อินเดีย และตะวันตก มาเป็นรากฐานในการปรุงอาหาร

ส่งผลให้ผู้ที่มาลิ้มลองอาหารที่สิงคโปร์ จะได้พบกับเมนูที่ทั้งหลากหลาย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

วงการอาหารของสิงคโปร์ ล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าผ่านอาหารจานต่างๆ ซึ่งมีที่มาจากเชื้อชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่ร้านสตรีตฟู้ดท้องถิ่นไปจนถึงร้านอาหารระดับภัตตาคารหรู ที่มีเอกลักษณ์และรสชาติอันโดดเด่นจนสามารถคว้าดาวมิชลินมาครอบครอง

สิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากประสบการณ์ของคนทำอาหารผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ที่ใช้ passion ด้านอาหารของตนเอง เป็นพลังขับเคลื่อนในการรังสรรค์เมนูอาหารเหล่านี้

เริ่มจากหนุ่มสิงคโปร์คนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจรักการทำอาหาร ใช้ passion พลังแห่งความมุ่งมั่นเป็นตัวขับเคลื่อน เปิดกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาในศูนย์อาหาร (Hawker Center) ที่นับได้ว่าเป็นการแหวกขนบทางธุรกิจ เพราะเจ้าของร้านในศูนย์อาหารส่วนใหญ่มักเป็นผู้สูงอายุ

ดักลาส อึง หนุ่มวัยเพียง 26 ปี เจ้าของร้าน ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา Fishball Story เพิ่งคว้ารางวัลระดับดาวชมเชย หรือ Bib Gourmand ในปี 2016 หลังเปิดกิจการได้เพียง 2 ปี โดยจุดเด่นของลูกชิ้นปลาร้านนี้ทำมือทั้งหมด เด้งและเหนียวหนึบกว่าลูกชิ้นปลาร้านอื่นๆ เพราะทำจากเนื้อปลาหางเหลือง 100% ไม่มีแป้งเจือปน

ดักลาส อึง และก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ร้าน Fishball Story (ภาพจาก facebook.com/fishballstory)

Passion ของดักลาส เกิดจากการกินลูกชิ้นปลารสมือคุณย่ามาตั้งแต่ตอนเด็กๆ จนเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะให้คนอื่นๆ ได้สัมผัสว่า ลูกชิ้นปลาที่แท้จริงควรมีรสชาติเป็นอย่างไร

นอกจากนี้ การเลือกเปิดร้านในศูนย์อาหาร Hawker Center เพราะดักลาสต้องการอนุรักษ์วัฒนธรรม Hawker ที่กำลังลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ให้คงอยู่ต่อไป ด้วยแรงจากคนรุ่นใหม่เช่นเดียวกับตัวเขาเอง

ต่อด้วยร้านอาหารจีนกวางตุ้งดั้งเดิมดีกรีดาวมิชลิน ร้าน Chef Kang’s ที่ซ่อนตัวอยู่บนถนน Mackenzie Road ในย่าน Little India

โดยเจ้าของและผู้ก่อตั้งร้าน อัง ซง คัง มีประวัติชีวิตที่น่าสนใจ ทั้งการต่อสู้กับโรคมะเร็ง และธุรกิจล้มละลาย ก่อนที่เขาจะใช้ passion ที่มีต่ออาหารจีน บวกกับความไม่ย่อท้อ และความรับผิดชอบในการหาเลี้ยงครอบครัว เป็นแรงผลักดันสู่การก่อตั้งร้าน Chef Kang’s ในปี 2015 จนได้รับดาวมิชลินดวงแรกภายในระยะเวลาแค่ 2 ปีเท่านั้น

เชฟอัง ซง คัง (ภาพจาก www.straitstimes.com)

ความพิเศษของร้าน Chef Kang’s คือการมีโต๊ะเพียง 4 โต๊ะ รองรับลูกค้าสูงสุดได้เพียง 40 คนเท่านั้น เนื่องจากเชฟคัง ต้องการลงมือปรุงอาหารด้วยตนเองทุกจาน เพื่อรักษามาตรฐานของอาหารแต่ละจานให้คงที่และสมบูรณ์แบบอยู่เสมอ เขาจึงมีเพียงแค่ผู้ช่วยอีก 1 คนเป็นลูกมือที่ร้านเท่านั้น

นอกจากนี้ การที่มีลูกค้าจำนวนไม่มากในแต่ละวัน ทำให้เชฟคังมีโอกาสออกมาพูดคุยกับลูกค้าแต่ละคนเพื่อสอบถามความคิดเห็น นำไปสู่การพัฒนาเมนูอาหารในร้านให้ดียิ่งขึ้น

เต้าหู้โฮมเมดอบ จากร้าน Chef Kang’s (ภาพจาก: http://bibikgourmand.blogspot.com/)

Passion ไม่ได้เป็นเพียงตัวขับเคลื่อนให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆในสิงคโปร์อย่างเดียว แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจและแรงผลักดันสำคัญให้กับเชฟชาวสิงคโปร์อย่าง ไฮเคิล โจฮาริ ต่อสู้กับอุปสรรค และก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดของตน จนสามารถยืนหยัดอยู่บนเวทีระดับโลก

หลายคนอาจรู้จัก ไฮเคิล โจฮาริ ในฐานะเซเลบริตี้เชฟ ผู้ทำหน้าที่หัวหน้าเชฟดูแลเมนูอาหารให้กับ Water Library Hospitality Group เครือร้านอาหารสัญชาติไทย แบบฉบับไฟน์ ไดนิ่ง ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดีอย่าง Water Library

ความจริงแล้ว เชฟไฮเคิลสั่งสมประสบการณ์ในต่างประเทศอย่างเข้มข้น ผ่านการร่วมงานกับร้านอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่ง รวมถึงร้านอาหารระดับดาวมิชลินมากมาย การันตีความสามารถขั้นสูงด้านการทำอาหารจากรางวัลนับไม่ถ้วน

เชฟไฮเคิล โจฮาริ

ทว่าเมื่อ 2 ปีก่อน เชฟไฮเคิลประสบอุบัติเหตุ ส่งผลให้เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ตั้งแต่ช่วงไหล่ลงไป ต้องกลับมารักษาตัวที่ประเทศสิงคโปร์ และต้องนั่งทำงานบนรถเข็นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

อย่างไรก็ตาม ความหลงใหลและใจรักในการทำอาหาร เป็นแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เชฟไฮเคิลยังคงทำงานเป็นปกติทุกวัน พร้อมทำกายภาพบำบัดอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูร่างกาย

ปัจจุบัน เชฟไฮเคิล คือมันสมองเบื้องหลังเมนูของร้านอาหารต่างๆ ในเครือ Water Library Hospitality Group ทั้งยังเป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้ร้านอาหาร Alma by Juan Amador ที่สิงคโปร์ ได้รับดาวมิชลินไปครอง 2 ปีติดต่อกันในปี 2016 และ 2017

เชฟเจนิส หว่อง

ปิดท้ายด้วยเชฟขนมหวานแถวหน้าของเอเชีย เชฟเจนิส หว่อง เจ้าของร้านขนมหวานที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครอย่าง 2am:dessertbar

ความหลงใหลในศิลปะการทำอาหารของเชฟเจนิส คือตัวขับเคลื่อนให้เธอก้าวข้ามขีดจำกัดของการทำขนมหวาน เชฟสาวชาวสิงคโปร์คนนี้เรียนรู้ศาสตร์การทำขนมจากสุดยอดเชฟระดับโลกมากมาย อันเป็นแรงบันดาลใจให้เธอเปลี่ยนความหมายของประสบการณ์ของหวานขึ้นใหม่ โดยขยายขอบเขตระหว่างของคาวและของหวาน ผ่านการคิดและค้นคว้าเมนูต่างๆในร้านของเธออย่างพิถีพิถัน

ปรัชญาการทำงานของเชฟเจนิส คือการสร้างแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่องสู่โลกแห่งศิลปะที่ทานได้ ซึ่งเธอเป็นคนกำหนดขึ้นเอง

เชฟเจนิสเริ่มตีความหมายงานศิลปะและขนมหวานไปอีกขั้นในปี 2011 ผ่านการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่ทานได้ขึ้นในสตูดิโอทำงานของเธอเอง โดยส่วนประกอบทุกชิ้นล้วนเป็นสิ่งที่ทานได้ นี่คือจุดเริ่มต้นของเชฟเจนิสบนเวทีระดับโลก ด้วยผลงานที่มีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร ส่งผลให้เธอได้รับการว่าจ้างจากแกลลอรี่ ร้านอาหาร และลูกค้ามากมายจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้เธอสร้างสรรค์ผลงานศิลปะให้ในโอกาสต่างๆ

นี่เป็นเรื่องราวเพียงส่วนหนึ่งของกลุ่มคนสิงคโปร์ ที่มี passion ด้านอาหารเป็นพลังขับเคลื่อนสู่การใช้ชีวิต และการประกอบอาชีพ

เกิดเป็นเมนูอาหารเลิศรสที่นักท่องเที่ยวทุกคนสามารถสัมผัสได้ด้วยตนเองเมื่อไปสิงคโปร์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน