สิงคโปร์ แม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนแผนที่โลก แต่กลับได้ชื่อว่าเป็นประเทศต้นแบบของการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

วันนี้กลายเป็นเมืองแห่งอนาคต เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและเทคโนโลยีชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงแม้มุมมองจากคนภายนอกอาจมองว่าสิงคโปร์เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างแมนเมด หากแต่ประเทศนี้กลับมีเรื่องราวน่าสนใจที่รอให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตัวเอง

คุณปั้น จิรภัทร พัวพิพัฒน์ แบ๊กแพ็กเกอร์หนุ่มเจ้าของเพจ The Walking Backpack ผู้ไปศึกษาและทำงานที่สิงคโปร์เป็นเวลานาน เป็นอีกคนที่หลงเสน่ห์ประเทศสิงคโปร์เข้าอย่างจัง

โดยมุมมองด้านการเดินทางของคุณปั้น คือการค้นหาแรงบันดาลใจผ่านสถานที่ใหม่ๆ และผู้คนที่พบเจอ บวกความรักในการท่องเที่ยวเป็นทุน ทำให้คุณปั้นมักนำประสบการณ์ของตัวเองมาถ่ายทอดให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมด้วยอยู่เสมอ

และใครก็ตามที่ได้สัมผัสเรื่องราวของเขา ก็แทบจะอดใจตามรอยการเดินทางของคุณปั้นไม่ได้

สิงคโปร์จากมุมสูง

เที่ยวสิงคโปร์ทั้งที ใครๆ ก็อยากจะไปชมวิวมุมสูงของสิงคโปร์จากตึกระฟ้า ไม่ว่าจะเป็น Sands SkyPark บนตึกชื่อดังอย่าง Marina Bay Sands หรือบาร์เก๋ๆ อย่าง 1-AltitudeOne Raffles Place และ LeVeL33

แต่ The Walking Backpack บอกกับเราว่า ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนดาดฟ้าชั้น 50 จากตึก Pinnacle@Duxton

ความพิเศษของที่นี่ คือ มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวของสิงคโปร์แบบสวยสุดๆ ที่น้อยคนนักจะรู้ และด้วยความที่เป็นอาคารที่พักอาศัย (HDB) ทำให้ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวมาก

ดังนั้นหากใครสนใจก็ต้องไปหาซื้อตั๋วที่ตึกหลังเซเว่น อีเลฟเว่น เท่านั้น!


Pinnacle@Duxton และ Chye Seng Huat Hardware

 

สัมผัส Coffee Culture แบบแนวๆ

ย่าน จาลัน เบซาร์ (Jalan Besar) อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตที่ได้รับความสนใจมากในช่วงที่ผ่านมา เพราะนอกจากจะเต็มไปด้วยสตรีตอาร์ตสีสันสดใสเหมาะกับสายฮิปแล้ว คุณปั้นบอกกับเราว่า ย่านนี้มีคาเฟ่เก๋ๆ แฝงอยู่ตามตรอกซอกซอยมากมาย

อาทิ Chye Seng Huat Hardware สาเหตุที่คาเฟ่แห่งนี้มีชื่อเหมือนร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ก็เพราะร้านถูกดัดแปลงมาจากร้านขายสินค้าฮาร์ดแวร์ ซึ่งภายในโปร่งโล่ง ตกแต่งสไตล์อินดัสเตรียล นอกจากกลิ่นกาแฟคั่วสดใหม่ที่อบอวลไปทั่วบริเวณแล้ว ผู้มาเยือนยังสามารถจับจองที่นั่งติดบาร์เปิดโล่ง ได้จิบเครื่องดื่มคู่กับเบเกอรี่แสนอร่อย ชมเหล่าบาริสต้าที่ตั้งใจทำเครื่องดื่มกันอย่างขะมักเขม้นในเวลาเดียวกัน

ส่วนใครที่อยากทานอาหารเช้าสไตล์สิงคโปร์ ลองแวะไปที่ร้าน Sin Hoe Huat Cafe พร้อมจิบกาแฟและทานคายาโทสต์ในบรรยากาศแบบย้อนยุค ก็เป็นไอเดียที่เก๋ไม่น้อย

Chye Seng Huat Hardware

Sin Hoe Huat Cafe ภาพจาก: https://ieatandeat.com/sin-hoe-huat-cafe/

 

สิงคโปร์ ป่าในเมือง

สำหรับนักสำรวจเมืองที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปอยู่กับธรรมชาติบ้าง สิงคโปร์คือสวรรค์สำหรับคุณ เพราะจากการศึกษาของ Massachusetts Institute of Technology (MIT) และ the World Economic Forum (WEF) จัดอันดับให้สิงคโปร์เป็นเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดในโลก

ท่ามกลางความเจริญของเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสวยล้ำสมัย ดีไซน์แปลกตา แต่ที่นี่กลับมีพื้นที่สีเขียวสำหรับชีวิตคนเมืองที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายแฝงอยู่มากมาย

ไม่ว่าจะเป็น Kranji Marshes แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติใหม่ล่าสุด ที่ถึงแม้จะต้องออกไปนอกเมืองสักหน่อย แต่ก็เหมาะกับผู้ที่ชอบส่องนก

หรืออีกหนึ่งสถานที่ไฮไลต์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไรคือ เชคจาวา (Chek Jawa) พื้นที่สีเขียวซึ่งถูกค้นพบโดยบังเอิญในฝั่งตะวันออกของ เกาะปูเลา อูบิน (Pulau Ubin) เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสิงคโปร์ที่ยังไม่มีถนนเชื่อมต่อไปถึง

ที่นี่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์นานาชนิด นอกจากจะต้องนั่งเรือข้ามฟากไปแล้ว นักท่องเที่ยวยังต้องอาศัยการปั่นจักรยานและเดินเท้า หรือถ้าใครต้องการชมพันธุ์ไม้และชีวิตสัตว์ทะเลอย่างใกล้ชิด การเดินบนไม้กระดานที่ลัดเลาะไปตามชายฝั่ง ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

และที่พลาดไม่ได้กับการขึ้นไปชมวิว หอสังเกตการณ์เจจาวี (Jejawi Tower) ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์จากความสูง 21 เมตรได้อย่างชัดเจน


Chek Java

จุดเด่นน่าสนใจของสถานที่แห่งนี้อยู่ตรงที่ผู้อยู่เบื้องหลังการอนุรักษ์ธรรมชาติเหล่านี้ไม่ให้ถูกรุกราน โดยหนึ่งในนั้นคือ Subaraj Rajathurai ชาวสิงคโปร์ที่ใจรักธรรมชาติ ผู้เป็นกระบอกเสียงให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมรักษาระบบนิเวศในสิงคโปร์ให้ยังคงอยู่

“ในสิงคโปร์ คุณมีทั้งโรงแรมระดับห้าดาวและป่าดงดิบที่อยู่ห่างออกไปเพียงแค่ 20 นาที ประเทศสิงคโปร์เป็นเสมือนประตูสู่เอเชีย พอๆ กับการเป็น ‘ประตูสู่ธรรมชาติ” Subaraj กล่าว


Southern Ridges

นอกจากนี้ เขายังเป็นคนตั้งชื่อ เซาเธิร์น ริดจ์ (Southern Ridges) ที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีว่าเป็นเส้นทางธรรมชาติที่ทอดยาวกว่า 10 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ของภูเขาบางส่วน และประกอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว อาทิ เมาท์เฟเบอร์ พาร์ค ทีล็อค บลังกา ฮิลล์พาร์ค ฮอร์ทพาร์ค เคนท์ริดจ์ พาร์ค และเขตอนุรักษ์ธรรมชาติลาบราดอร์

สถานที่แห่งนี้นอกจากเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ท้องถิ่นและสัตว์นานาชนิดแล้ว ยังมี Alexandra Arch สะพานรูปทรงคล้ายใบไม้ที่เปลี่ยนสียามค่ำคืนมาเป็นจุดขายอีกอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นมุมถ่ายรูปไม่ซ้ำใครอีกมุมหนึ่งเลยทีเดียว

Subaraj Rajathurai

ซึ่งความรักและทุ่มเทของนักอนุรักษ์ธรรมชาติชาวสิงคโปร์รายนี้ ต้องย้อนกลับไปสมัยที่เขาไปเที่ยวชมเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ บูกิต ติมาห์ โดยตอนนั้นเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุ 18 ปีเท่านั้น

ด้วยความหลงใหลในกิจกรรมเดินป่า การดูนก และระบบนิเวศที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ เขาจึงผันตัวเองมาเป็นไกด์ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และเป็นเวลากว่า 35 ปีแล้วที่เขาสามารถนำเอาความรู้ และชอบของตัวเองออกมาสร้างแรงบันดาลใจ และนำเสนอสิงคโปร์ในมุมมองใหม่ให้แก่นักท่องเที่ยวได้อย่างน่าสนใจ

สิงคโปร์เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว แต่ที่แห่งนี้ความเป็นเมืองถูกหลอมรวมเข้ากับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ได้อย่างไร้ที่ติ และเต็มไปด้วยเรื่องราวลึกซึ้งที่สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณและตัวตนของสิงคโปร์อยู่มากมาย ที่รอให้ผู้มีความหลงใหลและชื่นชอบในสิ่งเดียวกันมาสัมผัสด้วยตัวเอง ดังแบรนด์แคมเปญใหม่ของการท่องเที่ยวสิงคโปร์

“Passion Made Possible : ทุกความชอบที่ใช่ เป็นไปได้ที่สิงคโปร์”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน