แฮกเกอร์หัวใส เรียกค่าไถ่ จากผู้ใช้ 'เข็มขัดพรหมจรรย์' ลั่นไม่จ่าย ก็อดตลอดกาล!

แฮกเกอร์หัวใส เรียกค่าไถ่ จากผู้ใช้ ‘เข็มขัดพรหมจรรย์’ ลั่นไม่จ่าย ก็อดตลอดกาล!

เข็มขัดพรหมจรรย์ เป็นชื่อเรียกสำหรับอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อปกป้องและป้องกันไม่ให้อวัยวะเพศของผู้ที่สวมใส่นั้นสามารถใช้งานได้ โดยจุดมุ่งหมายหลักคือการป้องกันไม่ให้ผู้สวมใส่ร่วมประเวณี หรือถูกกระทำชำเราได้ และในบางอุปกรณ์ยังมีอุปรณ์ป้องกันไม่ให้ผู้สวมสำเร็จความใคร่ของตัวด้วย ซึ่งเข็มขัดนี้สามารถใช้ได้กับทั้งหญิงและชาย

อุปกรณ์ชิ้นนี้เชื่อกันว่าเกิดขึ้นในยุคสงครามครูเสด แม้ว่าในปัจจุบันจะพบไม่มากแล้ว แต่อุปกรณ์ชนิดนี้ก็ยังถูกใช้อยู่ในกลุ่ม BDSM หรือ ผู้ชื่นชอบกิจกรรมทางเพศแบบรุนแรง และทรมาน ซึ่งอุปกรณ์นี้ถูกใช้ขึ้นเพื่อแสดงถึงการยอมจำนน และแสดงความเป็นเจ้าของในอวัยวะเพศของอีกฝ่าย ทั้งนี้จะไม่ยอมให้ผู้ยอมจำนนถอดอุปกรณ์ชิ้นนี้จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของ

Qiui Cellmate ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘แอพพลิเคชันแรกของโลก’ ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์เข็มขัดพรหมจรรย์ได้ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าแอพนี้กำลังเจอกับปัญหาใหม่ เมื่อมีแฮกเกอร์รายหนึ่งสามารถเจาะเข้าไปในอุปกรณ์ชิ้นนี้ได้หลังจากที่ผู้ผลิตได้เปิดการเข้ารหัสไว้ (API) ทั้งนี้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับแอพโดยใช้ API นั้นกลับไม่มีการตั้งรหัสผ่าน ทำให้สามารถเจาะเข้าไปได้อย่างง่ายดาย และไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลกก็สามารถควบคุมอุปกรณ์ชิ้นนี้ได้

ทั้งนี้มีรายงานว่าแฮกเกอร์ได้ส่งข้อความไปหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายว่าอุปกรณ์ถูกล็อก และไม่สามารถถอดออกเพื่อใช้งานได้ ซึ่งการกระทำแบบนี้ก็ไม่ต่างไปจากการ ‘จับอวัยวะเพศของพวกเขาไว้ เพื่อเรียกค่าไถ่’ เหยื่อรายหนึ่งเล่าว่าเขาถูกขู่ให้โอนเงิน 900 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 21,000 บาท ให้แฮคเกอร์ไม่เช่นนั้นอุปกรณ์จะถูกล็อกตลอดไป

เมื่อเขาลองตรวจสอบ และพยายามถอดอออกก็ต้องตกใจเมื่อแฮกเกอร์สามารถควบคุมมันได้จริงเนื่องจากแฮกเกอร์จะล็อกอุปกรณ์ในส่วนของวงแหวนโลหะที่จะอยู่ใต้อวัยะเพศ และอัณฑะของผู้ที่สวมใส่ หากต้องการที่จะเอาออกก็จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องตัดเหล็ก หรือเครื่องเจียรไฟฟ้าเพื่อให้ผู้ใช้ได้เป็นอิสระอีกครั้ง แต่โชคดีที่เขาไม่ได้สวมอุปกรณ์ในเวลานั้น

หลังจากพบช่องโหว่ของอุปกรณ์ดังกล่าว จึงมีข้อแนะนำว่าให้หยุดใส่อุปกรณ์ก่อนจนกว่าทางผู้ผลิตอุปกรณ์จะแก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามกลับพบปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น เนื่องจากในแอพพลิเคชันดังกล่าวมีข้อมูลส่วนตัวต่างๆ รวมไปถึงตำแหน่งของผู้ใช้ จึงมีผู้ใช้หลายรายออกมาเรียกร้องให้ทางบริษัทช่วยลบบัญชีและข้อมูลของผู้ใช้บริการ

ที่มา : ladbible