แมวเห็นผี – “เขาว่าหมาจะหอนเมื่อเห็นผี แล้วแมวล่ะ”

เป็นความเชื่อที่แพร่หลายกันมานานทั่วโลก เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับสยองขวัญต่างๆ ที่ว่ากันว่า เมื่อไหร่ที่หมาหอนตอนกลางคืนโดยหาสาเหตุไม่ได้ นั่นแสดงว่าพวกมันกำลังเห็น “ผี” หรือสิ่งลึกลับที่มนุษย์มองไม่เห็น ยิ่งหอนรับกันมาเป็นทอดๆแล้วด้วย ยิ่งแสดงว่าเห็นกันเป็นหมู่คณะแน่ๆยังไม่รวมเรื่องอาถรรพ์เกี่ยวกับเลือดหมาดำและน้ำตาหมา

เรื่องราวลึกลับเกี่ยวกับหมานี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรเราจะยังไม่สืบค้นหา แต่เราจะมาพูดกันถึงความเชื่อเกี่ยวกับแมวกันดูค่ะ

มีความเชื่อกันว่าแมวเป็นสัตว์ที่เป็นสื่อกลางระหว่างสองโลก คือโลกของคนเป็น และโลกของคนตาย ดังนั้นแมวจึงอาจเห็น ได้ยิน หรือได้กลิ่นสิ่งลี้ลับบางอย่างเช่นภูตผี วิญญาณได้ ในความเชื่อของคนเอเชียเชื่อว่าไม่ควรให้แมวเข้าใกล้ศพ หรือบริเวณตั้งโลงศพ เพราะจะทำให้วิญญาณคนตายเกิดเฮี้ยนหรือกลายเป็นวิญญาณร้ายขึ้นมาได้ ในขณะที่ชาวอียิปต์จะเชื่อกันว่า แมวสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่อีกภพหนึ่งได้ โดยผ่านน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อกันว่าเป็นสิ่งเชื่อมโยงระหว่างสองภพเช่นเดียวกัน ดังนั้นแมวจึงไม่ชอบโดนน้ำหรือไม่ค่อยชอบเข้าใกล้แม่น้ำ เพราะกลัวว่ามองลงไปในน้ำแล้วจะเห็นสิ่งลี้ลับน่ากลัว

หรือคนเลี้ยงแมวหลายๆคนอาจจะเคยเจอประสบการณ์ที่เห็นแมวที่เราเลี้ยง จ้องมองไปที่ความว่างเปล่าด้านหลังเรา แต่พอเราหันไปดูตามก็ไม่เห็นมีอะไร ชวนให้คิดว่า หรือบางทีน้องแมวของเรากำลังจ้องมองอะไรบางอย่างหรือใครบางคนที่เรามองไม่เห็น และชวนให้ขนลุกหรือเปล่าหนอ

แต่จะว่าไปแล้ว หากจะพูดในเชิงวิทยาศาสตร์ ประสาทสัมผัสของแมวเอง เกือบทุกด้าน มีการรับรู้ที่ละเอียดและว่องไวเป็นเลิศเมื่อเทียบกับมนุษย์ เรามาดูกันค่ะว่าต่างกันอย่างไรบ้าง

เริ่มที่การได้ยิน แมวสามารถรับฟังเสียงได้ที่ช่วงความถี่ตั้งแต่ช่วง 40 – 65000 เฮิร์ตซ์ ซึ่งเป็นช่วงที่กว้างกว่าที่มนุษย์ได้ยินมาก สามารถได้ยินกระทั่งเสียงอัลตราซาวน์ซึ่งความถี่ต่ำมาก ส่วนมนุษย์นั้นจะได้ยินแค่ในช่วง 40- 20000 เฮิร์ตซ์ เท่านั้น ทำให้หูของแมวทำหน้าที่เหมือนจานรับสัญญาณเสียงที่ทรงประสิทธิภาพ ภายในหูมีขดโค้งต่างๆที่เพิ่มศักยภาพ นอกจากนั้นใบหูด้านนอกยังสามารถหมุนหันไปมาได้เกือบรอบด้าน ทำให้แมวสามารถแยกแยะที่มาของเสียง ความเข้มข้นของเสียง และทิศทางของเสียงได้อย่างแม่นยำ

ด้วยคุณลักษณะตามที่ได้กล่าวมานี้ทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์คาดว่า ปริมาณเสียงที่แมวได้ยินน่าจะดังกว่ามนุษย์มากถึงสิบเท่า ทำให้สามารถได้ยินเสียงเหยื่อขยับตัวจากที่ไกลๆ หรือเสียงที่เบามากๆเช่นเสียงเดินของหนู เสียงแมลงหรือสัตว์ที่เล็กกว่านั้นจนมนุษย์คาดไม่ถึง ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการพาแมวไปในที่ที่มีเสียงดังๆโดยเฉพาะในสถานที่ที่ใช้เครื่องขยายเสียงอย่างลำโพง เพราะจะทำให้แมวหวาดกลัวเสียงรบกวนที่ดังๆจนทำให้เกิดอาการก้าวร้าวหรือปวดหู ทำลายสุขภาพของแมวทั้งกายและใจในระยะยาวได้

โพรงจมูกของแมวใหญ่กว่ามนุษย์ถึง 5 เท่า ทำให้รับกลิ่นได้ดีกว่า แมวจะใช้ประสาทการดมเพื่อแยกแยะตัวตน แยกแยะกลิ่นที่ติดมากับเสื้อผ้าของทาส ทำให้รู้ว่าวันนี้นอกใจไปเล่นกับแมวตัวอื่นหรือบังอาจไปจับหมามาหรือเปล่า รวมไปถึงใช้กลิ่นเพื่อสร้างอาณาเขตโดยการใช้หัวถูไปตามเฟอร์นิเจอร์ หรือพ่นเสปรย์ด้วยต่อมข้างก้นไว้ตามเสาไฟฟ้าหรือพุ่มไม้โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นสัด นอกจากนี้ แมวยังมีอวัยวะพิเศษที่เรียกว่า เจคอบสัน (The Jacobsen organ) อยู่ใต้โพรงจมูก ที่เปิดไปสู่ปากทางด้านหลังของฟันหน้า ทำหน้าที่ปล่อยของเหลวออกมาเพื่อทำปฏิกิริยากับเคมีของกลิ่นที่ได้รับ และดึงของเหลวนั้นกลับเข้าไปเพื่อวิเคราะห์ แต่อวัยวะส่วนนี้จะวิเคราะห์เพียงกลิ่นที่ได้จากแมวด้วยกันเท่านั้น จะมีท่าทางบางอย่างที่เรียกว่า Flehmen Reaction นั่นคือใบหน้าสุดฮา เวลาที่เราเห็นแมวดมบางอย่างแล้วย่นปากบนขึ้น อ้าปากค้างทำหน้าอี๋ๆนั่นเอง

ในด้านการมองเห็น เป็นที่รู้กันว่า แมวสามารถมองเห็นในที่มืดได้ดีกว่าคน นั่นก็เพราะ ในดวงตาของแมว มีเซลล์รูปแท่งที่มากกว่ามนุษย์หลายเท่า ซึ่งเซลล์รูปแท่งนี้จะไม่สามารถรับรู้ความแตกต่างของสีสันได้ แต่กลับสามารถทำให้มองเห็นได้ในที่ที่แสงน้อย ซึ่งเหมาะสำหรับสัตว์ตระกูลแมวที่เป็นนักล่าและหากินตอนกลางคืน แต่ด้วยเหตุนี้ทำให้เซลล์รูปกรวยของแมว ที่ทำหน้าที่รับสีสัน มีน้อยมาก ทำให้มันเป็นสัตว์ที่ตาบอดสีแยกแยะสีต่างๆได้ยากกว่า และไม่สามารถมองเห็นภาพในตอนกลางวันได้ไกลหรือชัดเจนมากนัก

เมื่อได้รู้คุณสมบัติทางการรับรู้ของแมวแบบนี้แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจนักหากมันจะเห็น ได้ยิน หรือได้กลิ่นอะไรที่มนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสรุปฟันธงไปว่าแมวเห็นผีได้นะคะ

อย่างไรก็ดีคนไทยเรายังมีความเชื่อที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตบางอย่างอยู่ เชื่อว่าเมื่อจะย้ายเข้าบ้านใหม่ ให้พาแมวเข้าไปไว้ก่อน (เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ดูทรงแมวเอาถ้าแมวไม่โอเคก็เตรียมทำบุญใหญ่ได้เลย)

หรือหากแมวเดินไปหยุดที่จุดไหนในบ้านแล้วส่งเสียงร้องไล่บ่อยๆโดยที่ตรงนั้นไม่มีอะไรเลย ก็ให้ลองแผ่เมตตา หรือทำพิธีปัดรังควานตามความเชื่อของคนในครอบครัวที่บริเวณดังกล่าวเพื่อความสบายใจค่ะ

ขึ้นหนึ่งค่ำ

ภาพ Pixabay

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน