เป็นแม่ไม่ง่าย – “การชุมนุมทางการเมืองของนักเรียนนักศึกษา ลูกเราก็เข้าร่วมโดยเราไม่ได้ไปสั่งไปสอน ไปยุ่งยากยุ่งเกี่ยวอะไรเลย”

เช้าวันหนึ่งที่โต๊ะกินข้าวตอนลูกชายอายุ 18 ปี เขาก็มาบอกเรากับสามีว่าเดินทางเที่ยวทั่วไทย แบบฝรั่งที่เดินทางทั่วโลก แต่เขาไม่มีเงินมากพอจะทำอย่างฝรั่ง ขอแค่เดินทางในประเทศไปก่อน

เราถามว่าคิดยังไงอยากทำอย่างนี้ เขาบอกว่าอ่านหนังสือมาแล้วอยากทำอย่างนี้บ้าง เราคิดว่าวัยรุ่นกับเรื่องการคิด การอยากทำอย่างคนอื่นเป็นเรื่องปกติ เราจึงบอกลูกว่า แม่ขออีกหกเดือน ถ้าลูกยังอยากเที่ยว นั่นช่วงปิดเทอมตอนเรียนมหาวิทยาลัยลูกค่อยเริ่มทำดีไหม ถึงลูกจะอายุ 18 แล้ว มีสิทธิ์เลือกตั้ง แต่แม่อยากให้ลูกคิดอย่างถี่ถ้วนก่อน วัยรุ่นนี่เวลาอยากทำอะไรมักจะทำทันที แม่อยากให้ลูกลองฝึกชั่งใจ ให้เวลาช่วยเราตัดสินใจ ถ้าอีก 6 เดือน ลูกยังอยากเดินทางไปนั่นไปนี่ แม่จะอนุญาต

คือเรากับสามีเห็นว่า ด้วยวัยของเขา การห้ามไม่ให้พูด ไม่ให้คิด มันผิดวิสัย ยิ่งห้ามจะเหมือนยิ่งยุ พ่อแม่ควรจะบอกให้ลูกรู้ว่า สิ่งที่จะทำหรืออยากทำนั้น ผลที่จะตามมามีอะไร หัดให้เขาคิดตรึกตรองให้ถ้วนถี่ อย่าตัดสินใจไปตามอารมณ์ ควรตัดสินใจเมื่อมีข้อมูลพร้อม ด้วยเหตุผล มิใช่เกิดจากอารมณ์

หลังจากนั้นเราสังเกตว่าลูกอ่านหนังสือเกี่ยวกับจังหวัดต่างๆ มากขึ้น อ่านพวกหนังสือภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหนังสือจำพวกการท่องเที่ยว การเรียนรู้ โบราณคดี ศิลปวัฒนธรรมต่างๆ หลังๆ ลูกอ่านแนวปรัชญา แนวการเมือง สังคมมากขึ้น ลูกสนใจเรื่องการเมืองของประเทศ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมา ลูกจะสนใจเอามากๆ การประท้วง การเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ ในประเทศลูกให้ความสนใจมาก เขาถึงกับไปเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นโดยตลอด

กลับมาก็ถกก็คุยกับพ่อแม่เรื่องต่างๆ พวกนี้ เรากับสามีดีใจที่ลูกสนใจปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม บอกให้เราระมัดระวังตัว การตัดสินใจทำอะไรในม็อบ ขอให้ใช้เหตุผล อย่าเฮโลตามคนอื่น อย่าใช้อารมณ์

เราสังเกตว่าช่วงนั้นลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก เรารู้สึกไว้วางใจเขาเมื่อเขาตัดสินใจทำอุไร เขารอบครอบ ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ ลูกไม่เคยโวยวายเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ไม่เคยตะโกนดุด่าว่ากล่าวเมื่อไม่สบอารมณ์ ลูกนิ่ง ใจเย็นมากจริงๆ

แล้วเมื่อก่อนโควิด-19 จะระบาด ลูกเราก็ได้ทำในสิ่งที่เขาตั้งใจ เราแค่ขอให้ลูกเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าเขามีแผนการเดินทางอย่างไรบ้าง จะพักที่ไหน จะเดินทางไปเที่ยวตรงไหน ปรากฏว่าลูกวางแผนได้อย่างละเอียดและบอกว่าจะคุยกับพ่อแม่ผ่านทางโชเชียลมีเดียทุกคืน เขาจะอัพรูปถ่ายการเดินทางอยู่ตลอด

ด้วยเหตุนี้ในช่วงก่อนการเกิดวิกฤตโควิด-19 ลูกเราก็เดินทางเที่ยวทั่วไทยตามที่เขาตั้งใจแล้ว เรากับสามีคุยกับลูกผ่านทางโปรแกรมไลน์บ้าง เมสเซ็นเจอร์บ้าง ผ่านทางเฟซบุ๊ก อินตราแกรมบ้าง เราไม่เคยไปยุ่งยากกับแผนการของเขา มีแต่ให้เขาระวังเรื่องคน อย่าไว้วางใจคนมากจนเกินไปแต่ก็อย่าไร้น้ำใจกับน้ำใจที่ผู้คนระหว่างการเดินทางมอบให้

เมื่อตอนเกิดวิกฤตโควิด-19 ลูกเราก็ท่องเที่ยวทั่วภาคเหนือและอีสานจนเกือบทั่วแล้ว ช่วงที่เพื่อนๆ ของลูกเรียนภาคฤดูร้อนปี 2561 ลูกเราก็สนุกสนานกับกิจกรรมในมหาวิทยาลัยชีวิตของเขาตลอดสามเดือนเต็ม

สามเดือนนั้นเมื่อผ่านไป ลูกบอกกับเราว่า มันทำให้เขาเติบโตขึ้น รู้จักชีวิต เขารักพ่อแม่ รู้สึกคิดถึงอย่างบอกไม่ถูกเมื่อต้องห่างกัน เขาคิดถึงคุณค่าความเป็นคน รักทุกอย่างในโลกนี้ สามเดือนของการเดินทางเขาตัวดำและผอมลง แต่ประกายในแววตาของลูก สายตาที่เขามองเรา มองทุกอย่างรอบตัวต่อจากนั้นเรารู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปมาก

หลังจากมีเรื่องโควิด-19 และเกิดการชุมนุมทางการเมืองของนักเรียนนักศึกษา ลูกเราก็เข้าร่วมโดยเราไม่ได้ไปสั่งไปสอน ไปยุ่งยากยุ่งเกี่ยวอะไรเลย เขาคิดเอง ทำเอง เขามีเรื่องมีราว มีเหตุผลมาคุยกับพ่อแม่อยู่ตลอด เขาถกเถียงกับลุงกับป้าของเขาอย่างมีเหตุผล แม้ลุงกับป้าของเขาจะมีแนวความเชื่อต่างจากเขา แต่เขาก็ไม่ไปถากถางหรือพูดจาเยาะเย้ย มีแต่ให้หาเหตุผล หาคำอธิบายกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น จนลุงป้าเขาที่เคยเป็นคอการเมืองที่เต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรงกับสงบนิ่งและใช้เหตุผลเมื่อถกเถียงกับหลาน

เราจึงเห็นว่า “การเดินทาง” ไม่ใช่จุดหมาย แต่สิ่งที่อยู่ระหว่างทางนั่นแหละที่สอนคนให้เป็นคน การเดินทางที่แท้จริงแล้วนั้นไม่ใช่เปลี่ยนโลกทั้งใบแต่อย่างใดเลย มันคือเปลี่ยนโลกในตัวเราต่างหาก #

ขึ้นหนึ่งค่ำ

คุณแม่ท่านหนึ่ง กรุงเทพมหานคร
ภาพ Pixabay

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน