ส่องห้องอำพันรัสเซีย – บีบีซี รายงานการฟื้นฟูโบราณสถานสำคัญของรัสเซีย เป็นห้องอำพันสีเหลืองทองส่องสว่าง ภายในพระราชวังแคตเธอรีน นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อัญมณีนี้เปราะบางได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายปรัสเซีย ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13
อัญมณีอินทรีย์นี้เป็นที่ต้องการเพื่อนำไปประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับของราชวงศ์และศาสนวัตถุทั่วยุโรปตะวันออก
ห้องอำพัน ในพระราชวังแคตเธอรีน ใช้อัมพันกรุผนังถึง 6 ตัน ประดับประดาให้ระยิบระยับด้วยทองคำเปลว โมเสคและกระจก สร้างถวายราชวงศ์ปรัสเซียและรัสเซีย จนสูญหายถูกทำลายช่วงทำสงครามกับนาซีเยอรมัน
กระทั่งปัจจุบันรัสเซียบูรณะขึ้นมาใหม่ในพระราชวังเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ความสวยงามเจิดจรัสยังคงดูลึกลับเหมือนสีอำพัน
ห้องอำพันได้รับการออกแบบครั้งแรกในต้นศตวรรษที่ 18 โดยครอบคลุมพื้นที่ 16 ตารางเมตรและติดตั้งในพระราชวังชาร์ลอตเตนบูร์ก ที่ประทับพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 1 แห่งปรัสเซีย
กำแพงติดเพดาน (Credit: Ivan Vdovin/Alamy)
หลังจากสร้างเสร็จได้ไม่นานนัก พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 1 ถวายห้องอัมพันแด่จักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย หรือ พระเจ้าปีเตอร์มหาราชแห่งจักรวรรดิรัสเซียในปี ค.ศ. 1716 (พ.ศ. 2259) เพื่อกระชับสัมพันธไมตรี
พระเจ้าปีเตอร์มหาราชทรงย้ายห้องมาไว้ในพระราชวังแคตเธอรีน ใกล้กับเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและปรับปรุงห้อง โดยมีพระบรมราชโองการให้ ฟรันเชสโก บาร์โตโลมิโอ ราสเตรลลี สถาปนิกชาวอิตาลีออกแบบขยายห้องให้ใหญ่ขึ้นเป็น 55 ตารางเมตร
Photograph: Anatoly Maltsev/EPA
และตกแต่งให้หรูหรามากกว่าเดิมด้วยการเพิ่มชิ้นอำพัน เชิงเทียน โมเสคและปิดทองคำเปลว จนห้องอำพันบาโรคของรัสเซีย ขึ้นชื่อว่าเป็น “สิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลก”
แต่เมื่อกองทัพนาซีบุกรัสเซียในปี ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) กองทัพรื้อห้องอำพันและย้ายไปที่ปราสาทเคอนิชส์แบร์ค ราชอาณาจักรปรัสเซีย หนึ่งในแคว้นของจักรวรรดิเยอรมนี
พระราชวังแคตเธอรีน
ด้านอนาโตลี วาลูฟ เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะคาลินินกราด กล่าวว่าวัตถุล้ำค่าในห้องอำพันถูกย้ายไปเมืองเคอนิชส์แบร์คเพื่อรอการขนย้ายไปยังส่วนอื่นของเยอรมนี แต่เมื่อกองทัพแดง (องค์กรต่อต้านฝ่ายซ้ายของเยอรมนีตะวันตก) บุกยึดเมืองได้ในปี ค.ศ. 1945 (พ.ศ.2488) กลับไม่พบร่องรอยของห้องอำพัน
วาลูฟกล่าวว่าบางคนคิดว่าห้องอาจจะถูกไฟไหม้ แต่ไม่มีร่องรอยอำพันถูกเผา จึงคิดว่าห้องอำพันน่าจะรอดจากสงครามและถูกซ่อนไว้ในชั้นใต้ดินของปราสาทหรืออาจจะเก็บซ่อนไว้ที่ใดที่หนึ่ง
1 ปีต่อมา ตรงกับปี ค.ศ.1946 (พ.ศ.2489) เมืองเคอนิชส์แบร์คกลายเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียและมีชื่อใหม่ว่า “คาลินินกราด” ส่วนการค้นหาห้องอัมพันยังคงดำเนินต่อไป ผู้เชี่ยวชาญชาวโซเวียตพยายามค้นหาที่ตั้งนับร้อยๆ แห่งทั่วเมือง รวมทั้ง ซากปราสาทที่ถูกทำลายจนย่อยยับ แต่ก็ไม่พบ
กระทั่งศตวรรษที่ 20 อุปกรณ์การค้นหาก้าวหน้าขึ้น จึงมีการค้นหาห้องอำพันและพบงานศิลปะ รวมทั้ง อัญมณีถูกซ่อนในชั้นใต้ดินของปราสาท แต่ก็ยังไม่ใช่ห้องอำพัน
พระราชวังแคตเธอรีน
ทัตยานา ซูโวโรวา เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์อำพันแคว้นคาลินินกราด กล่าวว่าหากพบห้องอำพัน ก็คงจะไม่เหมือนห้องดั้งเดิมเพราะอัมพันเปราะบางและเปลี่ยนสีไปตามกาลเวลา
ถ้าห้องอำพันได้รับการค้นพบขึ้นมา ตนก็คงจะมีความสุขมากที่สุดเพราะจะเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้เป็นเพียงงานศิลปะเท่านั้น แต่เป็นงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นจากวัสดุที่เปราะบางและต้องทะนุถนอมอย่างยิ่ง จึงต้องอยู่ในพิพิธภัณฑ์
แม้ความหวังที่จะพบห้องอำพันเลือนลางลง แต่ความคิดใหม่ๆ เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1979 (พ.ศ.2522) เมื่ออดีตสหภาพโซเวียตเริ่มสร้างห้องอัมพันขึ้นมาใหม่ จากชิ้นส่วนดั้งเดิมเพียง 2 ชิ้น ซึ่งเป็นกล่องเก็บพระธาตุ 1 กล่องและภาพถ่ายขาว–ดำ 86 ภาพที่ถ่ายห้องอำพันก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นานซึ่งการสร้างห้องอำพันกินเวลาถึง 23 ปี
ปัจจุบัน ห้องอำพันจัดแสดงที่พระราชวังแคตเธอรีน ในอุทยานประวัติศาสตร์และพิพิธภัณธ์ซาสเกย์ เซโล นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ผนังทุกด้านสว่างไสวเป็นสีส้มและทองส่องประกายให้ห้องอำพันมีชีวิตอีกครั้ง
//////////////////
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
100ปีรำลึก รัสเซียร่วมพิธีตรงจุดสังหารหมู่ครอบครัวพระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่ 2
