ปรากฏการณ์หายากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานหลายปีและยังคงเป็นปริศนาที่รอการไขคำตอบมาจนถึงปัจจุบันกับตำนานพญามุสิกสุดพิศวง สัญญาณเตือนลางร้าย

เหตุการณ์เกิดขึ้นที่สวนแตงโมแห่งเมืองสตาฟโรปอลในประเทศรัสเซีย โดยชายหนุ่มชื่อว่า อาลีบูลัต ราซูลอฟ พบฝูงหนูอยู่ในสภาพสุดพิศวงถูกจับมัดรวมกันอย่างแปลกประหลาด

ในคลิปวิดีโอแสดงภาพหนู 5 ตัวอยู่ในสภาพเปียกน้ำและหางของพวกมันผูกติดกับต้นไม้ ขณะที่พวกมันพยายามหนีไปคนละทิศละทาง ต่อมาอาลีบูลัตนำฝูงหนูวางบนพื้นสีขาว เพื่อแสดงให้เห็นว่าหางของพวกหนูผูกเป็นปมแน่น จากนั้นจึงพยายามแกะออกและปล่อยหนูสู่อิสระ

อาลีบูลัตกล่าวว่า “ผมเชื่อว่าหนูถูกมัดโดยแม่ของพวกมันที่ต้องการป้องกันไม่ให้พวกมันตกลงไปในน้ำ

พญามุสิก

ภาพจาก@__alibulat__rasulov__/CEN

เมื่อเรื่องราวถูกแชร์ลงโซเชียลมีเดียก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดความสยองขวัญ เพราะปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ราชาหนู หรือ พญามุสิก (Rat King) ตามนิทานพื้นบ้านกล่าวว่าเป็นอาเพศ โดยเป็นสัญลักษณ์เตือนถึงความโชคร้าย โรคระบาด หรือการขาดแคลนอาหารที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

เนื่องจากหลักฐานบันทึกเกี่ยวกับตำนานพญามุสิกมีน้อยมากและสาเหตุที่แท้จริงของการผูกหางเป็นปมยังคงเป็นปริศนาที่แม้แต่วิทยาศาสตร์ก็ยังไขคำตอบไม่ได้

ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศเยอรมันตั้งแต่ปี 1564 โดยจำนวนหนูที่หางถูกมัดรวมกันนั้นมากที่สุดคือ 24 ตัว หลังจากเหตุการณ์พญามุสิกเกิดขึ้นไม่นาน ยุโรปก็ถูกภัยจากโรคระบาด

ภาพจาก@__alibulat__rasulov__/CEN

ตามพิพิธภัณฑสถานบางแห่งมีซากของพญามุสิกเก็บรักษาไว้ ไม่ว่าจะพิพิธภัณฑ์โอทาโก พิพิธภัณฑ์สัตววิทยามหาวิทยาลัยตาร์ตู พิพิธภัณฑ์มอริเชียนัม และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในประเทศเยอรมัน ซึ่งสังเกตได้ว่าหนูส่วนใหญ่มักมีสีดำ

เอ็มมา เบิร์นส์ ภัณฑารักษ์ด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งพิพิธภัณฑ์โอทาโกกล่าวกับทางเว็บไซต์แอตลาส ออบสคูราว่า “ในทางทฤษฎีการเกิดปรากฏการณ์ราชาหนูสามารถเป็นเรื่องธรรมชาติได้” พร้อมกล่าวเสริมว่า “ตามธรรมชาติหนูบางตัวมักจะเกี่ยวหางกันและอาจส่งผลให้เกิดการผูกปม ทั้งยังสามารถพบเห็นได้ในกลุ่มกระรอกอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แมทธิว คอมบ์ส นักศึกษาปริญญาเอกที่กำลังศึกษาเรื่องหนูที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม กล่าวว่า “พญามุสิกอาจเป็นแค่ตำนาน แต่หลาย ๆ คนยังคิดว่าเป็นเรื่องปลอม

ขอบคุณที่มาจาก The Sun

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน