การเรอและผายลมเป็นเรื่องปกติธรรมชาติที่ร่างกายจะต้องขับไล่ลมหรือแก๊สส่วนเกินออก แต่สงสัยหรือไม่ว่าอาการเรอหรือผายลมมากเกินไปเป็นอย่างไรและอาการใดที่ต้องไปพบแพทย์

หลังจากรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่ม การเรอในบางวัฒนธรรมถือว่าหยาบคาย ขณะที่บางวัฒนธรรมเป็นเพียงสัญญาณว่าชื่นชอบและพอใจกับอาหาร แต่ทว่าการเรอและผายลมที่สะสมแก๊สในกระเพาะอาหารมากเกินไป บ่งบอกสัญญาณหลาย ๆ อย่างของสุขภาพ ซึ่งทางทีมข่าวสดมาไขคำตอบให้ทุกท่านได้ทราบกัน ดังนี้

1. อะไรทำให้ผายลมและเรอ ทุกครั้งที่กลืนอาหาร ดื่มเครื่องดื่ม หรือสูบบุหรี่ ทุกท่านจะสูดอากาศประมาณ 15 ลูกบาศก์เซนติเมตรจนเกิดแก๊สในทางเดินอาหาร ซึ่งกระเพาะอาหารไม่สามารถรับอากาศได้ทั้งหมด ดังนั้น ประมาณ 75 – 80 เปอร์เซ็นต์ของอากาศจะถูกปล่อยออกจากกระเพาะอาหารผ่านทางหลอดอาหารและกลับออกจากปากหรือที่เรียกว่าการเรอ

ส่วนอากาศที่เหลือจะไหลลงสู่ทางเดินอาหารพร้อมกับอาหาร โดยที่อาหารจะถูกดูดซึมเข้าสู่ลำไส้เล็กบางส่วน ปริมาณเล็กน้อยจะเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ จากนั้นอากาศจะถูกปล่อยออกมาทางทวารหนักหรือที่เรียกว่าการผายลม

2. อาหารและเครื่องดื่มอาจทำให้เกิดการเรอและผายลมบ่อย ๆ ได้แก่ เครื่องดื่มอัดลม แอลกอฮอล์ และอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล หรือไฟเบอร์สูง ซึ่งทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร เช่น

  • ผักและผลไม้บางชนิด ไม่ว่าจะเป็นบร็อคโคลี หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก แตงกวา พริกหยวก หัวหอม ถั่วลันเตา แอปเปิล กล้วย แตงโม ลูกพรุน และลูกแพร์ เป็นต้น
  • ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี ข้าวโอ๊ต ลูกเกด และ ถั่วต่าง ๆ
  • นมและผลิตภัณฑ์จากนม
  • ขนมปังโฮลวีต อาหารทอด หรืออาหารที่มีไขมันสูง
  • เครื่องดื่มน้ำอัดลมต่าง ๆ รวมถึงน้ำผลไม้ เบียร์ ไวน์

3. ควรเรอและผายลมมากแค่ไหน ตามข้อมูลของ NHS หรือระบบสาธารณสุขแห่งชาติประจำอังกฤษเผยว่า คนทั่วไปสามารถเรอประมาณ 3 – 6 ครั้งหลังรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่ม พร้อมทั้งผายลมระหว่าง 5 – 23 ครั้งต่อวัน

ซึ่งหากภายในหนึ่งวันผายลมมากกว่า 23 ครั้ง นั่นถือว่าร่างกายผิดปกติ จึงควรหมั่นนับจำนวนครั้งของการเรอและภายลมในแต่ละวัน เพื่อสังเกตการทำงานที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารและลำไส้

4. ควรไปพบแพทย์เมื่อใด การผายลมและการเรอที่มากเกินไปหรือมีกลิ่นเหม็นอาจเป็นส่วนหนึ่งของภาวะสุขภาพ ในบางกรณี การเรอบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกปัญหาสุขภาพ โดยนพ.ฟิลิปปา เคย์กล่าวว่า “ถ้าคุณเริ่มเรอมากกว่าปกติหรือมีอาการปวดให้รีบไปพบแพทย์”

“การเรอบ่อย ๆ อาจเป็นอาการของโรคกรดไหลย้อน อาการเสียดท้อง อาการลำไส้เคลื่อนอาจเป็นสาเหตุของการเรอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอายุมากกว่า 50 ปี รวมไปถึงสาเหตุอื่น ๆ อาจมีตั้งแต่แผลพุพอง การอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวน ภูมิแพ้อาหาร ไปจนถึงปัญหาทางเดินอาหารที่รุนแรงขึ้น

ทางด้านศาสตราจารย์โอลาเฟอร์ พัลส์สัน หัวหน้าคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา กล่าวว่า “การมีแก๊สในลำไส้ปริมาณมากสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และความเครียดในระดับที่สูงขึ้น ตลอดจนอาจมีคุณภาพชีวิตโดยทั่วไปที่บกพร่อง

หากคุณมีอาการปวดท้อง, ท้องอืดไม่หาย, ท้องผูกหรือท้องเสียอยู่เรื่อย, น้ำหนักลด, มีเลือดปนอุจจาระ, เบื่ออาหารหรืออิ่มเร็ว, เจ็บแน่นหน้าอก, กรดไหลย้อน, มีกลิ่นปาก และกลืนลำบากสามารถบ่งบอกถึงอาการของมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ ดังนั้น อย่าละเลยอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน

5. วิธีป้องกันไม่ให้ผายลมและการเรอบ่อยเกินไป หากมีความกังวลเกี่ยวกับปริมาณแก๊สในกระเพาะอาหาร ทาง NHS มีคำแนะนำว่า

  • ทานอาหารมื้อเล็ก ๆ บ่อยขึ้น
  • ดื่มหรือเคี้ยวอาหารช้า ๆ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดีขึ้น
  • ดื่มชาเปปเปอร์มินต์
  • ลดการคี้ยวหมากฝรั่ง สูบบุหรี่ อมลูกอม หรือกัดขนมที่มีความแข็ง
  • อย่าใส่ฟันปลอมหลวม ๆ
  • ลดการทานอาหารที่ย่อยยาก พร้อมลดการทานอาหารที่มีไขมันสูง สามารถกระตุ้นให้แบคทีเรียในอาหารผลิตแก๊สได้

ขอบคุณที่มาจาก The Sun Men health Your Health

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน