สวัสดิภาพสัตว์เลี้ยงฟาร์มบริโภค เรื่องที่ทุกคนต้องใส่ใจ ไม่เว้น ‘คนรักเนื้อ’

สวัสดิภาพสัตว์เลี้ยงฟาร์มบริโภค – “ซูเปอร์บั๊ก” หรือ “เชื้อดื้อยา” เป็นปัญหาที่เชื่อมโยงกับปศุสัตว์ที่ถูกเลี้ยงดูอย่างไร้สวัสดิภาพ การเลี้ยงดูอย่างแออัด ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้สัตว์เครียด อ่อนแอ และเจ็บป่วยได้ง่าย เมื่อกลัวว่าสัตว์จะไม่สบาย คนเลี้ยงก็จะให้กินยาปฏิชีวนะ เพื่อกันไว้ก่อน คนเลี้ยงจำนวนมากยังเข้าใจว่ายาปฏิชีวนะเป็นวิตามินบำรุง กินแล้วจะทำให้หมูไก่โตไว ได้น้ำหนัก จึงให้แบบรวมหมู่ ด้วยการผสมยาในน้ำ หรืออาหารกินกันทั้งฟาร์ม
เมื่อสัตว์เหล่านี้กินยาปฏิชีวนะในปริมาณต่ำต่อเนื่องเป็นเวลานาน เชื้อแบคทีเรียในตัวสัตว์จะพัฒนาตัวเองให้คงทนต่อยา พอถึงเวลาที่เจ็บป่วยขึ้นมาจริง ยาที่เคยใช้รักษาไม่ได้ คนเลี้ยงก็ต้องเปลี่ยนยา หายาแรงขึ้น ให้กินยาเยอะขึ้น เชื้อโรคก็จะยิ่งพัฒนาตัวหนียา จนกลายเป็นซูเปอร์บั๊ก ที่ยาไหนๆ ก็เอาไม่อยู่

สวัสดิภาพสัตว์เลี้ยงฟาร์มบริโภค

นายโชคดี สมิทธิ์กิตติผล ผู้จัดการแคมเปญระบบอาหาร องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก กล่าวว่าในแต่ละปีคนไทยติดเชื้อดื้อยาประมาณปีละ 88,000 ครั้ง ในจำนวนนี้กว่า 38,000 คนเสียชีวิต สร้างความสูญเสียไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท หรือราวร้อยละ 0.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ประเด็นสำคัญคือยาปฏิชีวนะที่สัตว์กิน หลายชนิดเป็นยาเดียวกับที่คนใช้กัน ดังนั้นถ้าคนรับเชื้อมา ยาชนิดนั้นก็จะใช้รักษาไม่ได้ ทำให้อาการป่วยเล็กน้อยกลายเป็นป่วยหนัก และอาจลุกลามจนถึงขั้นเสียชีวิต
เชื้อดื้อยาจากฟาร์มสัตว์แพร่สู่คนได้หลายทาง คือ 1.คนเลี้ยงรับเชื้อโดยตรงจากสัตว์ในฟาร์ม แล้วนำไปแพร่กระจายต่อให้คนอื่น 2.เชื้อดื้อยา เล็ดลอดจากฟาร์มพร้อมกับน้ำเสียปนเปื้อนในแหล่งน้ำและดิน รวมถึงอยู่ในรูปของมูลสัตว์ที่ถูกนำไปใช้ต่อในภาคเกษตรกรรม 3.ผู้บริโภค เมื่อไปซื้อเนื้อสัตว์ไปก็จะมีการสัมผัสขณะปรุงอาหารและการกิน

สวัสดิภาพสัตว์เลี้ยงฟาร์มบริโภค

“ประเทศไทยมีความก้าวหน้าและจริงจังในการแก้ไขปัญหาวิกฤติเชื้อดื้อยามาก แต่ยังไม่เพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคปศุสัตว์ เราเสนอให้รัฐออกกฎหมายห้ามใช้ยาปฏิชีวนะในการป้องกันโรคในสัตว์แบบรวมกลุ่ม ซึ่งหลายประเทศเริ่มประกาศใช้แล้ว ตลอดจนยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความจำเป็นในการใช้ยาปฏิชีวนะในสัตว์ฟาร์มได้อย่างยั่งยืน” นายโชคดีกล่าว
ผู้จัดการแคมเปญระบบอาหาร องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ระบุด้วยว่าปี 2558 เวทีสมัชชาอนามัยโลกมีมติขอให้ประเทศสมาชิกจัดทำแผนระดับประเทศ ไทยซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกจึงจัดทำแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ.2560-2564 โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ คือลดการใช้ยาต้านจุลชีพในสัตว์ร้อยละ 30 ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ และถูกตั้งข้อสังเกตว่าขาดมิติด้านสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งจะช่วยสกัดการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างได้ผล ส่วนการดูแลเพื่อให้มีการผลิตและจำหน่ายเนื้อสัตว์ปลอดภัย ก็เป็นการให้รางวัลคนทำดี แทนที่จะกำหนดเป็นมาตรการบังคับ

สวัสดิภาพสัตว์เลี้ยงฟาร์มบริโภค

“นับเป็นเรื่องน่ายินดี ที่ในปีนี้ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของแผนแม่บทต้านเชื้อดื้อยา กรมปศุสัตว์ได้ออกมาระบุถึงความก้าวหน้าในแง่มุมด้านสวัสดิภาพสัตว์ ว่าจะยกร่างมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่องหลักการด้านสวัสดิภาพสัตว์ ระบบการผลิตสุกร โดยจะนำต้นแบบจากมาตรฐานสากลมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับประเทศไทย และจะใช้เป็นแนวทางประกอบการตรวจประเมินมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มสุกร เพื่อให้เป็นมาตรฐานบังคับ จากเดิมที่เป็นเพียงภาคสมัครใจ กระนั้นยังจำกัดว่าเป็นการบังคับสำหรับเฉพาะฟาร์มที่มีประชากรหมูเกินกว่า 500 ตัวขึ้นไป หรือมีแม่พันธุ์สุกรตั้งแต่ 95 ตัวขึ้นไปเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการแคมเปญระบบอาหาร องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ย้ำถึงแนวทางการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ว่า ไม่ใช่แค่เพื่อประโยชน์ต่อสัตว์ แต่ยังรวมถึงความปลอดภัยของทุกคน โดยการติดตามและผลักดันมาตรฐานการดูแลสวัสดิภาพสัตว์ให้สอดคล้องตามมาตรฐาน FARMS (Farm Animals Responsible Minimum Standard) ที่ทั่วโลกยอมรับ รวมทั้งเรียกร้องการกำหนดนโยบายห้ามใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันโรคสัตว์ในฟาร์มให้ชัดเจนไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ จึงถือเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างครอบคลุมและยั่งยืนสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะชาววีแกน มังสวิรัติ กลุ่มกินเจ หรือคนรักเมนูเนื้อสัตว์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน