รู้จัก ภาวะสำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ สิ่งใกล้ตัวที่สามารถคร่าชีวิตคนได้อย่างง่ายดาย พร้อมวิธีป้องกันและแก้ไขหากเกิดเหตุ
จากกรณีการเสียชีวิตของเน็ตไอดอลสาว อลิส อริศรา ที่ผู้ใกล้ชิดแจ้งว่า เธอกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราร่วม 3 เดือน เนื่องจากอาหารติดหลอดลม ทำให้หายใจไม่ออกขาดออกซิเจน จวบจนเสียชีวิตเมื่อวานที่ผ่านมา (6 มิ.ย.) สร้างความตกใจให้แก่แฟนๆของเธอเป็นอย่างมาก
วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมารู้จัก ภาวะสำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ สิ่งใกล้ตัวที่สามารถคร่าชีวิตคนได้ง่ายดายอย่างคาดไม่ถึง
ภาวะสำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ หรือ เรียกง่ายๆว่า การสำลัก นั้น มักพบในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และสามารถเกิดได้ในผู้ใหญ่เช่นกัน เมื่อพยายามจะทำกิจกรรมหลายๆอย่างในขณะกินอาหาร เช่น พูด, หัวเราะ เป็นต้น
ซึ่งในกรณีของ อลิส อริศรา เกิดจากอาหารติดค้างอุดตันในระดับของกล่องเสียงหรือหลอดลม ซึ่งทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจ เกิดภาวะหายใจไม่สะดวกและด้วยภาวะนี้ทำให้สมองขาดออกซิเจน ทำให้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ก่อนเธอจะมีไข้สูงและจากไปในเวลาต่อมา
คำแนะนำเพื่อป้องกันการสำลักสิ่งแปลกปลอม
1. เลือกชนิดและขนาดของอาหารที่เหมาะสมให้แก่เด็กในวัยต่างๆ เพื่อป้องกันการสำลักอาหารและไม่ควรป้อนอาหารในขณะที่เด็กกำลังวิ่งเล่นอยู่
2. เลือกชนิด รูปร่างและขนาดของของเล่นให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก รวมทั้งจัดเก็บสิ่งของที่อาจเป็นอันตราย ให้ปลอดภัยจากการหยิบฉวยของเด็ก
3. สำหรับในผู้ใหญ่ที่มีปัญหาเรื่องฟัน จะต้องปรึกษาทันตแพทย์เพื่อจัดหาฟันปลอมที่เหมาะสม เลือกรับประทานอาหารที่ไม่ต้องบดเคี้ยวรุนแรงมาก ขนาดชิ้นอาหารที่พอเหมาะ และควรถอดฟันปลอมออกก่อนเข้านอน
คำแนะนำในกรณีที่เกิดการสำลักสิ่งแปลกปลอม
1. รีบนำส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ทันที
2. งดน้ำ งดอาหารผู้ป่วยทันทีที่เกิดการสำลัก
3. กรณีเป็นเด็ก ให้สอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์ว่า เด็กเกิดการสำลักในขณะทำอะไรอยู่ เช่นกินอาหาร ขนม เล่นของเล่น เป็นต้น พร้อมทั้งนำตัวอย่างของอาหาร ขนม สิ่งแปลกปลอมที่สงสัยมาด้วยเพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนการรักษาของแพทย์
ภาวะฉุกเฉินกรณีทางเดินหายใจอุดกั้น
ใช้วิธีของ Heimlich ช่วยเหลือผู้ป่วยโดยในผู้ใหญ่ หรือเด็กโต
- ทำในท่านั่งหรือยืนโน้มตัว ไปทางด้านหน้าเล็กน้อย ผู้ช่วยเหลือเข้าทางด้านหลัง ใช้แขนสอดสองข้างโอบผู้ป่วยไว้ มือซ้ายประคองมือขวาที่กำมือวางไว้ที่ใต้ลิ้นปี่ ดันกำมือขวาเข้าใต้ลิ้นอย่างรวดเร็วเพื่อให้เกิดแรงดันในช่องท้อง ดันเข้าใต้กระบังลมผ่านไปยังช่องทรวงอก เพื่อดันให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกจากกล่องเสียง
- เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปีอาจใช้วิธีตบหลังหรือใช้ฝ่ามือวางลงบนทรวงอก แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดลงบริเวณใต้ลิ้นปี่
ควรใช้ในกรณีฉุกเฉินที่ผู้ป่วยมีการอุดกั้นของทางเดินหายใจอย่างสมบูรณ์เท่านั้นและผู้ช่วยเหลือควรมีความชำนาญพอสมควร ในกลุ่มผู้ป่วยที่ยังพอมีสติ หายใจเองได้ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลมากกว่า
ที่มา: si.mahidol,Sirikanda Chaiburut