ใครที่ชื่นชอบมะยงชิดและมะปรางหวาน ไปลิ้มรสกันได้ที่จังหวัดนครนายก ใกล้ๆ กรุงเทพฯ นี่เอง
ในเดือนม.ค.-มี.ค.นี้ เป็นช่วงที่มะยงชิดและมะปรางหวานของนครนายก ให้ผลผลิตออกสู่ตลาด กรมส่งเสริมการเกษตร จึงขอเชิญชวนผู้บริโภคช่วยกันอุดหนุนผลผลิตจากเกษตรกรที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดขณะนี้
หรือสามารถสั่งผ่านเว็บไซต์ www.ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com ที่มีเกษตรกรเป็นสมาชิกนำสินค้ามาจำหน่ายให้กับผู้บริโภค แบบไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานผ่านการพิจารณาจากคณะทำงานระดับจังหวัดและกำกับด้วยคณะกรรมการระดับประเทศ
สำหรับผลผลิตมะยงชิดและมะปรางหวาน ปีนี้ นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร คาดการณ์ว่า ปริมาณผลผลิตมะยงชิดจะมีแค่ 640 ตัน ส่วนมะปรางหวานคาดการณ์ปริมาณผลผลิต จำนวน 98 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 75
พีรพันธ์ คอทอง
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกลงมาในช่วงที่มะยงชิดและมะปรางหวาน กำลังติดดอก กับอีกสาเหตุหนึ่งคือ จากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ค่อนข้างร้อน
Advertisement
อย่างไรก็ตาม การที่ผลผลิตมีปริมาณลดลง ทำให้ราคาจำหน่ายในปีนี้ขยับสูงขึ้นจากปีที่แล้ว โดยมะยงชิด ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 200-350 บาท เทียบกับเมื่อปี 2566 ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 100-250 บาท
ส่วนมะปรางหวาน ปีนี้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 150-200 บาท ขณะที่เมื่อปี 2566 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 80-150 บาท
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยด้วยว่า ที่ผ่านมากรมส่งเสริมการเกษตรมีแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรให้สามารถใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นในการพัฒนาการผลิตและเพิ่มมูลค่าผลผลิต
ตลอดจนแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถพัฒนายกระดับเพื่อเข้าสู่การรับรองมาตรฐานสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) มาตั้งแต่ปี 2562 ผ่านโครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น
โดยมีหน่วยงานในพื้นที่ คือ สำนักงานเกษตรจังหวัดนครนายก และสำนักงานเกษตรอำเภอ ลงพื้นที่ไปส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรกรในการผลิตมะยงชิด มะปรางหวาน ที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นสู่ผู้บริโภค
ด้วยการส่งเสริมการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นแปลงใหญ่ เพื่อให้เกษตรกรรวมกลุ่มในการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต พัฒนาคุณภาพ การตลาด และการบริหารจัดการ การผลิตต้องเป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีและปลอดภัยตามที่กำหนด
รวมถึงส่งเสริมให้เกษตรกรมีการขออนุญาตขึ้นทะเบียน GI เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพการผลิตสินค้าทั้งสองประเภทให้ได้มาตรฐาน และยังช่วยป้องกันการปลอมปนและแอบอ้างใช้ตราสัญลักษณ์ GI ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในท้องถิ่นให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร Smart Farmer / Young Smart Farmer นำผลผลิตมะยงชิด มะปรางหวาน มาแปรรูป และใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น น้ำมะยงชิด มะยงชิดลอยแก้ว แยมมะยงชิด มะยงชิดอบแห้ง ซอสมะยงชิด กล้วยอบมะยงชิด หมี่กรอบมะยงชิด เป็นต้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้น
จังหวัดนครนายก มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ และสภาพภูมิอากาศเหมาะกับการทำเกษตร ทำให้ผลผลิตมะยงชิด และมะปรางหวาน ของจังหวัดมีคุณภาพดี มีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างจากที่อื่น และได้รับ GI มะยงชิด และ มะปรางหวาน เมื่อปี 2559
ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้ขอใช้ตราสัญลักษณ์ GI ของจังหวัดนครนายก รวม 478 ราย แยกเป็น มะยงชิด 349 ราย และมะปรางหวาน 129 ราย
พื้นที่ปลูกมะยงชิดและมะปรางหวาน มีประมาณ 9,762 ไร่ ในเขต 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครนายก อำเภอบ้านนา และอำเภอปากพลี มีเกษตรกร 2,593 ราย และกลุ่มแปลงใหญ่มะยงชิด จำนวน 7 แปลง พื้นที่ 1,359 ไร่ สมาชิก 294 ราย โดยจะให้ผลผลิตช่วงเดือนม.ค.-มี.ค.ของทุกปี
สำหรับข้อสังเกตของมะยงชิดกับมะปรางหวานของจังหวัดนครนายกนั้น
มะยงชิด จะมีลักษณะผลใหญ่ รูปทรงไข่ ผลสุกสีเหลืองส้ม เนื้อหนา เนื้อแน่น เมล็ดลีบ รสชาติหวานอมเปรี้ยว หอม กรอบ ค่าความหวาน 18-22 องศาบริกซ์ พันธุ์ที่นิยมปลูกในพื้นที่เป็นพันธุ์ทูลเกล้า พันธุ์บางขุนนนท์ พันธุ์ท่าด่าน พันธุ์ชิดสาริกา พันธุ์ทูลถวาย และพันธุ์ชิดสง่า
ส่วนมะปรางหวาน จะมีลักษณะผลใหญ่ รูปทรงยาวรี ปลายเรียวแหลม รสชาติหวาน หอม กรอบ ไม่ระคายคอ ความหวานอยู่ในช่วง 16-19 องศาบริกซ์ พันธุ์ที่นิยมปลูกในพื้นที่เป็นพันธุ์ทองใหญ่ พันธุ์ทองนพรัตน์ พันธุ์ท่าอิฐ และพันธุ์แม่อนงค์
ใครเดินทางผ่านนครนายก ไม่ควรพลาด แวะอุดหนุนเกษตรกรกันได้เลย
