คอลัมน์ ขนหัวลุก

ใบหนาด

“พอลล่า” เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณทางหลวง

คุณเคยขับรถไปเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงสุดๆ ไหมคะ? เช่นรถชนกันจังๆ จนบาดเจ็บปางตาย หรือขับรถไปชนคนตาย…ดิฉันกับเฟิร์นเพื่อนซี้น่ะ เราเคยมาแล้วค่ะ!

เราทำงานอยู่แถวเพลินจิต บ้านอยู่แครายใกล้ๆ กัน ฟังแล้วอาจไกลมาก แต่ทางด่วนทำให้สะดวกและไม่เปลี่ยว นอกจากจะกลับดึก ตอนลงทางด่วนแล้วบึ่งเข้าบ้านในซอย หรือไม่ก็ไปเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ตามประสาสาวโสด ขนาดไม่โสดยังมาร่วมวงด้วยเลยค่ะ

ส่วนมากวันศุกร์จะสนุกกันเต็มที่ รุ่งขึ้นได้นอนยาวกันตามสบาย ไม่มีลูกกวนตัว ไม่มีผัวกวนใจ! ถึงจะเหงาเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร…แซวกันเองสนุกๆ ว่าเนื้อคู่ยังไม่ เกิดน่ะ

กระทั่งคืนหนึ่ง เพื่อนชวนไปเที่ยวผับที่ทองหล่อ บอกว่าเป็นของญาติกันเพิ่งจะมาเปิดใหม่ ต้องแห่ไปอุดหนุนกันซะหน่อย…เลยเกิดอุบัติเหตุสุดโหดในชีวิตจริงค่ะ!

ชนแก้วกันระหว่างเพื่อนกับเพื่อน มีทั้งหญิงและชาย แต่เพื่อนก็คือเพื่อน สบตากันก็ดูออกว่าไม่มีใครอุตริคิดนอกลู่นอกทาง ยกเว้นแต่โต๊ะอื่นๆ ที่มีทั้งหนุ่มกับสาว กับหนุ่มล้วนๆ ทำเหล่มาเราก็แกล้งเหล่ไป ถือว่าธรรมดาที่สุด

คืนนั้นเฟิร์นดื่มมากหน่อย แต่คอแข็งหายห่วง ขับรถไม่เคยประมาท…หรือเราอาจจะประมาทที่คิดแบบนั้นก็ได้ เพราะเกิดเรื่องร้ายกาจตอนขากลับนั่นเอง!

เพื่อนๆ แนะนำให้ทะลุออกเพชรบุรีตัดใหม่ เข้าซอยศูนย์วิจัยออกพระราม 9 แต่แล้วเฟ?รŒนก็นึกได้เมื่อสายเกินไป บ่นพึมว่า…มันบ้าหรือเราบ้ากันแน่วะที่หลงเชื่อมันเฉยเลย?

ถ้าไม่เลี้ยวขวาเข้ารัชดาฯ หาทางด่วนไม่เจอ ก็ต้องตรงไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิโน่นเลย…ไกลลิบลับ แถมไม่คุ้นทางอีกต่างหาก…จะไปตั้งหลักที่เพลินจิตก็ช้าไปแล้ว เฟิร์นเอ๋ย

ตัดสินใจยูเทิร์นที่พระราม 9 จำได้เลาๆ ว่าเคยขึ้นทางด่วนมา 2-3 ครั้ง แต่พิษเหล้าทำให้สมองสั่งการช้า แถมเลอะเลือนด้วย ขับไปขับมาเลยเจอถนนโล่งว่าง รถราแล่นหวือหวา ทางขวาคงเป็นทางด่วนเอกมัย-ราม อินทรา…ขับๆ ไปคงจะผ่านศูนย์การค้าใหม่ไปออก ลาดพร้าวแน่ๆ

เฟิร์นเม้มปาก เหยียบคันเร่งจนรถพุ่งหวือ คงจะตัดสินใจเด็ดขาดว่า…ไปตายดาบหน้าละกัน! แต่ดิฉันหลุดปากออกมาว่า…จะไปทางไหนน่ะ?

แทบไม่ขาดคำ เฟิร์นก็หันขวับมาแค่นหัวเราะ…กลับบ้านซียะหล่อน!

ทันใดนั้นเอง ดิฉันเห็นร่างของใครคนหนึ่งยืนเก้ๆ กังๆ อยู่บนถนนเลยร้องสุดเสียงให้ระวัง…เฟิร์นรีบหันกลับ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้วค่ะ

เสียงโครม!! ร่างนั้นกระเด็นหวือลงไปนอนคว่ำหน้า ตามด้วยเสียงเบรกรถจนเสียวฟัน…เรานั่งตะลึงตัวแข็งทื่อ จ้องมองภาพในนั้นเหมือนตกอยู่ในฝันร้าย แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเป็นความจริง

ชายเคราะห์ร้ายนอนแน่นิ่งอยู่ข้างถนน สวมหมวกแก๊ปสีแดง…ในยามดึกที่เย็นยะเยือกของเดือนธันวาคม สีแดงสดช่างเหมือนกับสีเลือดที่ไหลนองออกมาจากร่างนั้นเสียจริง!

“ไปเถอะ…” เสียงดิฉันแหบเครือเต็มที “เขาตายแล้ว…”

เสียงกระเดือกน้ำลายดังขึ้น เฟิร์นมือไม้สั่น…โชคดีที่ไม่มีรถแล่นตามหลังเรามาเลยตอนเกิดเหตุ นอกจากตอนเร่งเครื่องมีรถสองคันแซงเราไป

“โธ่! ฉันไม่ได้เมานะ ไม่ได้ตั้งใจด้วย” เฟิร์นพูดปนสะอื้น “หันมามองเธอแป๊บเดียวก็เห็นเขาพอดี…ถ้าเราหักหลบก็มีหวังรถคว่ำตาย”

ดิฉันปากคอแห้งผากไปหมด ได้แต่นึกว่าไม่น่าจะมาทางนี้เลย! ใครนะช่วยบอกหนทาง? ความจริงเราไปทางรัชดาฯก็ได้ ดึกๆ ถนนว่าง เราเองก็ไม่ได้รีบร้อนนี่นา… ถ้าเพื่อนไม่ชวนมาเที่ยวผับที่ทองหล่อก็คงไม่เจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้…

“ไหนๆ มันก็เกิดขึ้นแล้ว” เฟิร์นโพล่ง คงจะคิดแบบเดียวกัน “ช่างมัน!”

แทบไม่ขาดคำก็ได้ยินเสียงครางแผ่วโผยคล้ายคนใกล้จะขาดใจ นัยน์ตาเหลือกลานมองกระจกหลัง ดิฉันหันขวับ ยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะเกิดเสียงกรีดร้องลั่นรถ

คุณพระคุณเจ้า! ร่างโชกเลือดของชายหมวกแดงกำลังลากขาตามเรามา

“อย่ามอง!” ดิฉันตั้งสติได้ ร้องบอกเพื่อน เฟิร์นก็ทำตามพลางตะบึงรถสุดฤทธิ์สุดเดชจนภาพน่าขนหัวลุกหายลับไป…แต่เรากลัวจนน้ำตาไหลพรากทั้งคู่เลยค่ะ

คืนนั้น เรานอนด้วยกันที่บ้านเฟิร์น ปรึกษากันว่าจะไปหาตำรวจดีไหม? รับสารภาพเลยว่าชนคนตายให้สิ้นเรื่องสิ้นราว…สงสัยแต่ว่าเขาบาดเจ็บขนาดนั้น ทำไมถึงตามเรามาได้ตั้งไกล? หรือว่าเขายังไม่ตาย…

รุ่งขึ้น ดิฉันกลับบ้านเกือบเที่ยง รอดูข่าวทีวีก็ไม่เห็น ข่าวหนังสือพิมพ์ก็ไม่มี จนแน่ใจว่าสิ่งที่เราพบไม่เคยเกิดขึ้นเลย นั่นคือภาพลวงตาหรือผีหลอกน่ะซีคะ…บรื๋อส์!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน