ในโลกที่สับสนวุ่นวาย เวลาเดินไปอย่างเร่งรีบ จนบางครั้งสังคมอาจเผลอหลงลืมใครไป โดยเฉพาะเด็กๆ ที่กำลังค่อยๆ เรียนรู้ที่จะเติบโต ครูเบล – น.ส.ชลิตา สุวจนกร อายุ 31 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนการศึกษาทางเลือกลินคอล์น เฮาส์ จึงเลือกที่จะประคับประคองเด็กๆ เหล่านั้นให้เติบโตไปด้วยกัน

“เดิมทีเบลมีความฝันที่จะเป็นนักการทูตค่ะ เบลเรียนจบ คณะรัฐศาสตร์ สาขาการระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยโคเรีย (Korea University) ประเทศเกาหลีใต้ และ ปริญญาโท – คณะรัฐศาสตร์ สาขาการระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยโซล ” ครูเบล ชลิตา แนะนำตัวเองให้เราฟัง

ก่อนเล่าว่าเมื่อเรียนจบมาแล้ว ได้จับงานแรกเป็นติวเตอร์สอนภาษาเกาหลี ซึ่งเป็นงานที่สร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน ด้วยเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ตัวเองว่าอยากจะหาเงินได้เยอะๆ แต่เมื่อไปถึงจุดนั้นแล้วทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด

“เมื่อเราคาดหวังไว้สูง เวลาทำอะไรเราจึงมีแต่ความกลัว ณ เวลานั้นเราทำอะไรไมได้เลย ไม่กล้าที่จะทำอะไรเลย ค้นพบว่านั้นไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง” ครูเบลเล่า

จากนั้นเธอได้ทราบว่ากับโรงเรียนลินคอล์น เฮาส์ ที่เธอรู้จักตั้งแต่เรียนอยู่เกาหลีมาเปิดสาขาอยู่ที่ไทยจึงเข้ามาสมัครเป็นครูอาสาสอนภาษาเกาหลี และภาษาอังกฤษ ทำให้ได้รู้จักกับ ดร.(กิตติมศักดิ์) ฮักเชิล คิม ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ (International Youth Fellowship – IYF) ประเทศไทย และผู้อำนวยการโรงเรียนการศึกษาทางเลือกลินคอล์น เฮาส์ (ประเทศไทย) และครูคิมได้บอกกับเธอว่า ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่เงิน แต่เป็นการที่เราได้เห็นชีวิตคนๆ หนึ่งเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เราทำไม่ต่างจากสิ่งที่หมอทำ คือเราให้ชีวิตใหม่

“เราเป็นโรงเรียน ที่เป็นศูยน์การเรียนรู้ 1 อยู่ภายใต้ สกร. เป็นระบบโรงเรียนประจำ ดังนั้นเราต้องสอนทุกอย่างในชีวิตเขา สอนวิธีการใช้ชีวิตให้เขา เมื่อเราได้มาสัมผัสกับเด็กๆ จริงๆ แล้ว จากเด็กบางคนที่ไม่มีอนาคต เป็นโรคซึมเศร้า ไม่มีความหวังอะไรในชีวิต หลายคนไม่สามารถออกจากสิ่งที่เขาลุ่มหลง สิ่งที่ติด หรือแม้แต่ความคิดว่าที่บ้านไม่รักเขา เราใช้เวลากับเขา เพื่อบอกเขาว่าสิ่งที่เขาเชื่ออยู่มันไม่ถูกต้อง ชีวิตไม่ได้มีแค่ยาเสพติด แล้ววันหนึ่งที่เขาออกมาจากสิ่งเหล่านั้นได้ หัวใจเขาถูกเติมเต็มเหมือนเราได้ให้ชีวิตใหม่กับเขาจริงๆ เด็กๆ เปลี่ยนไปเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม กลายเป็นเราไม่ได้มอบชีวิตใหม่ให้แค่เขา แต่เรามอบให้ครอบครัวเขา ชุมชนที่เขาอยู่ รอบๆตัวเขามีความสุขไปด้วย สิ่งที่ทำให้จิตใจเราถูกเติมเต็มมากๆ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต เลยเลิกคิดที่จะเป็นนักการทูต มาเป็นครูที่นี่เต็มตัว เพราะเบลเชื่อว่าการลงทุนกับเยาวชนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด พวกเขาคือคนที่จะดูแลประเทศต่อไป” ครูเบล กล่าว

default

ครูเบลยังเล่าต่อว่า สิ่งที่เด็กทุกคนที่มาเรียนที่นี่ต้องเรียนคือ วิชาภาษาเกาหลี และวิชา Mind Education ซึ่งเป็นวิชาที่สอนให้เรียนรู้เกี่ยวกับจิตใจ

ก่อนที่ครูเบลจะกล่าวถึงความตั้งใจของตัวเองว่า ตอนนี้เบลกำลังศึกษาปริญญาโท – คณะครุศาสตร์ สาขาบริหารการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เพื่อที่จะกลับมาดูแลโรงเรียนนี้ ความตั้งใจของเบลคืออยากรับนักเรียนเข้ามาให้มากที่สุด อยากดูแลพวกเขาให้ดี เพราะปัจจุบันในสังคมมีเด็กหลุดออกจากระบบเยอะ เขาไม่ได้ไม่อยากเรียน เพียงแต่เราไม่มีที่ให้เขา อยากเปลี่ยนเป็นโรงเรียนนานาชาติเต็มรูปแบบ และอยากเปิดโรงเรียนในต่างจังหวัดด้วยพื่อรองรับกลุ่มเด็กชาติพันธุ์ เพราะเด็กๆ อาจจะเข้าไม่ถึงโรงเรียนที่นี่ เราเคยมีเด็กปกากะญอ มาเรียนที่นี้แล้วมีความฝันอยากจบมาเป็นครูลินคอล์น

จากนั้นครูเบลได้ทิ้งท้ายว่า สำหรับตัวเบลเองเคยมีแต่ความโลภของตัวเองเต็มในใจ แล้วเราก็ค้นพบว่าไม่มีความสุข มีแต่ความกลัวว่าจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างใจหวัง เมื่อมาอยู่ที่นี่ ความหวาดกลัวของเราถูกเอาออกไปอัตโนมัติ เรามีความหวังไปกับเด็กๆ รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าขึ้น เมื่อเราเรียนหนังสือแบบไม่ได้เรียนเพื่อตัวเอง เราเรียนเพราะจะเอามาก่อตั้งโรงเรียน เพื่อเด็กๆ กลายเป็นมีความสุขมาก เรามีเด็กๆ รออยู่ มีเป้าหมายชัดเจนว่าการเรียนในครั้งนี้ของเรามีค่าอย่างไร มันเติมเต็มชีวิตเบลล์ โรงเรียนนี้ไมได้ช่วยชีวิตแค่เด็กๆ แล้ว แต่ช่วยชีวิตเบลล์ด้วย เป็นความตั้งใจในตอนนี้ มากกว่าความรู้ เราไม่มองว่าเด็กจะต้องเก่ง สิ่งสำคัญคือจิตใจเขาต้องเข้มแข็ง ถ้าจิตใจของเขาเข้มแข็งแล้วเขาจะสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ การศึกษาที่แท้จริงคือนักเรียนจะต้องมีความสุข แล้วการศึกษาจะเติบโตต่อไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน