โครงการพัฒนาพื้นที่เกาะสีชัง ตามพระราโชบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคของประชาชนบนเกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่อาคารศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์เกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าของโครงการ
โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายชูโชค ศิวะคุณากร Head of ESG&BSE SCG และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์กล่าวว่า การเดินทางมาที่เกาะสีชัง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 จากการนั่งเรือมาได้เห็นอย่างแรก คือ การเตรียมการส่งระบบน้ำประปาขึ้นมาบนเกาะ ที่ตอนนี้ประสบความสำเร็จในขั้นต้นแล้ว และยังมีระบบน้ำบาดาลเดิมมาช่วยในเบื้องต้น
เรื่องที่ 2 การพัฒนาแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อคนบนเกาะสีชัง ซึ่งตนในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พร้อมสนับสนุนพื้นที่ของสำนักงานที่อยู่บนเกาะเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ เพราะมีพื้นที่ที่เคยระเบิดหินไว้ตั้งแต่สมัยโบราณ สามารถพัฒนาใช้เป็นแหล่งน้ำต่อไปได้ รวมถึงแหล่งน้ำที่กำลังจะพัฒนา โดยเฉพาะที่จะเดินท่อมาใต้ทะเลในอนาคต เป็นสิ่งที่ประชาชนเกาะสีชังจะได้ประโยชน์อย่างยิ่ง
เรื่องที่ 3 คือ การที่จะพัฒนาเกาะสีชังเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคต เราต้องมีแผนแม่บทเพื่อเป็นตัวอย่างสิ่งที่เราดำเนินการบนเกาะสีชัง เพื่อขยายผลไปพื้นที่อื่น เพื่อพื้นที่อื่นได้มีต้นแบบตัวอย่างไปใช้ประโยชน์ต่อไป
นอกจากนี้ขอฝากจ.ชลบุรี และทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันน้อมนำพระราชปณิธานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระราชดำรัสในการเสด็จฯ เกาะสีชัง โดยทรงห่วงใยระบบนิเวศ ด้วยการส่งเสริมการอนุรักษ์กระรอกสีขาว และต้นไม้พื้นเมือง คือ ต้นน้อยหน่า และทับทิม ที่นับวันจะเหลือน้อย ให้คงอยู่คู่กับเกาะสีชังตลอดไป
ด้านนายอนุทินกล่าวว่า สิ่งที่ทุกส่วนกำลังทำขณะนี้มีหลายอย่างที่สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่ตนได้มอบไว้ตั้งแต่แรก คือ เรื่องการบริหารจัดการน้ำ โดยการประปาส่วนภูมิภาค ได้รับนโยบายอย่างชัดเจนว่า เราไม่เพียงต้องจัดส่งแหล่งที่มาของน้ำไปถึงประชาชนเท่านั้น แต่ต้องทำให้น้ำมีคุณภาพที่ดี ประปาต้องดื่มได้
เรื่องไฟฟ้าก็เช่นกัน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีแผนทำระบบการติดตั้งโซลาร์ฟาร์มซึ่งเป็นระบบไมโครกริด ขนาด 6 เมกะวัตต์ พร้อมติดตั้ง Storage ประมาณ 8-10 เมกะวัตต์ในพื้นที่เกาะสีชัง โดยเช่าพื้นที่จากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เพื่อให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าได้
โดยตนจะหารือกับสภาพัฒน์ ว่าทำอย่างไรให้โครงการโซลาร์ฟาร์มได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มศักยภาพและต่อเนื่อง ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างมาก เพราะแน่นอนว่าประชาชนจะมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น เพราะมีระบบสาธารณูปโภคที่เข้าถึง ทั่วถึง ทั้งไฟฟ้า ประปา และจะเป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามา
มหาดไทยจะยกโครงการพัฒนาเกาะสีชังนี้เป็นโครงการต้นแบบ เพราะสอดคล้องกับโครงการตามนโยบายที่เราส่งเสริมการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) เพื่อให้ประชาชนแต่ละบ้านมี Rooftop ที่เป็นหลังคาโซลาร์ไว้ใช้เอง เพื่อลดค่าไฟให้เขา
ถ้าเราทำได้ จะทำให้ครัวเรือนเพียงไม่กี่พันหลังได้รับประโยชน์ มีสิ่งอำนวยความสะดวก ประชาชนมีความสุขที่ได้เป็น ‘มนุษย์ 3Rs’ คือ Reuse Reduce Recycle และถ้าทำตรงนี้ได้ จะเป็นเหมือนแซนด์บ็อกซ์ แล้วค่อยๆ ขยายไปยังชุมชนอื่นๆ ได้ และขยายไปในระดับประเทศในที่สุด
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานพัฒนาเกาะสีชังตามพระบรมราโชบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ครอบคลุม 5 ด้าน คือ น้ำดี น้ำเสีย ไฟฟ้า ขยะ และการท่องเที่ยว
ด้านน้ำดี ในเฟสแรก ขณะนี้การประปาส่วนภูมิภาคร่วมกับเทศบาลตำบลเกาะสีชัง วางโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเรื่องท่อส่งน้ำประปาขนาดใหญ่ และถังกักเก็บน้ำ โรงสูบน้ำ โรงผสมคลอรีน ได้สำเร็จเสร็จสิ้น สามารถส่งน้ำไปยังครัวเรือนได้ 400 ครัวเรือน ซึ่งมีค่าซื้อน้ำประปาลดลงเหลือเพียงหน่วยละไม่เกิน 80 บาท จากเดิม 280 บาท หรือ 500 บาท ในช่วงฤดูแล้ง และยังคงดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อมั่นใจได้ว่าทั้ง 2,400 ครัวเรือนในพื้นที่เกาะสีชังจะได้น้ำสะอาด มีคุณภาพมาตรฐานการประปาส่วนภูมิภาค ภายในสิ้นปี 2567
ส่วนระบบน้ำสำรอง มีสระหินที่ทางตอนใต้ของเกาะบริเวณพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ที่อนุญาตให้เทศบาลใช้ประโยชน์ทำแหล่งกักเก็บน้ำ และอีกส่วนหนึ่ง คือ สระน้ำพื้นที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่อยู่ระหว่างปรับปรุงเพื่อใช้กักเก็บน้ำได้มากถึง 1 ล้านลิตร
ระยะยาว การประปาส่วนภูมิภาคจะพิจารณาขยายเขตการให้บริการมายังบนเกาะสีชัง โดยเทศบาลตำบลเกาะสีชัง ยินดีที่จะถ่ายโอนภารกิจให้กับการประปาส่วนภูมิภาค เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้น้ำหน่วยละไม่เกิน 30 บาท และเป็นน้ำที่มีคุณภาพ น้ำได้มาตรฐาน สามารถดื่มและใช้ได้ในชีวิตประจำวันตามนโยบายรมว.มหาดไทย
ระบบไฟฟ้า เดิมจ่ายไฟด้วยระบบ Generator โหลดประมาณ 3 เมกะวัตต์ โดยจะติดตั้งเพื่อ Backup เป็นแหล่งจ่ายถาวรในอนาคต คือ ระบบการติดตั้งโซลาร์ฟาร์มซึ่งเป็นระบบไมโครกริด ขนาด 6 เมกะวัตต์ พร้อมติดตั้ง Storage 2 เมกะวัตต์ โดยเช่าพื้นที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในการดำเนินการ
ส่วนระบบเทคโนโลยีเคเบิลที่ชำรุด ได้วางสายใหม่ลึก 7 เมตร จากเดิม 1.5 เมตรที่ไปโดนสมอเรือทำให้เสียหาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการผลิตสาย ซึ่งจะแล้วเสร็จตามแผนงานจ่ายไฟได้ในเดือนเม.ย.2568
นอกจากนี้เพื่อให้เกิดความยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้หารือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ขยายผลเรื่อง Solar Rooftop ประจำครัวเรือน เพื่อให้ประชาชนได้ช่วยลดโลกร้อน ช่วยให้ประชาชนมีพลังงานไฟฟ้าที่เป็นพลังงานสะอาดใช้ในกลางวัน และในระบบการเก็บ ก็สามารถบริหารจัดการนำไฟจากหลังคาบ้านไปเก็บเพิ่มเติมขึ้น ซึ่งเป็นแผนงาน Quick Wins เพื่อให้เกาะสีชังเป็นเกาะสีเขียวเพิ่มมากขึ้น
เรื่องการบำบัดน้ำเสีย ได้มอบถังดักไขมันครัวเรือนต้นแบบ 50 ครัวเรือน โดยไขมันจะถูกลงไปกำจัดที่ถังน้ำเสียของ SCG และ “องค์การจัดการน้ำเสีย” ประเมินปริมาณน้ำเสียในพื้นที่เกาะสีชัง วันละ 2,000 ลูกบาศก์เมตร โดยจะก่อสร้างศูนย์พัฒนาคุณภาพน้ำในพื้นที่ 1 ไร่ จะรวบรวมน้ำเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปบำบัด
โดยน้ำที่ผ่านการบำบัดสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในกิจกรรมต่างๆ ทั้งรดน้ำต้นไม้และล้างพื้น เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ควบคู่การบริหารจัดการขยะ ทั้ง “ขยะเก่า” ที่เทศบาลตำบลเกาะสีชังมีปัญหาเดิมอยู่ โดยใช้วิธีการเผาที่เกาะขามใหญ่ 2 เตา ในส่วนของขยะใหม่ที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างขอรับการสนับสนุนงบประมาณจัดทำเตาเผาในพื้นที่ภายในปี 2568 ซึ่งจะมีศักยภาพเผาขยะได้ถึง 10-15 ตันต่อวัน
ตอนนี้ความสำเร็จของการจัดการน้ำเสียครัวเรือน อยู่ที่ประมาณ 20% องค์การจัดการน้ำเสียจะร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำให้ทุกครัวเรือนเข้าสู่ระบบการเป็น “มนุษย์สีเขียว” ให้เต็มร้อย
นายชูโชค ศิวะคุณากร Head of ESG&BSE SCG กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของการพัฒนาเกาะสีชังตามพระบรมราโชบายฯ คือ การทำเกาะสีชังให้เป็นเกาะที่ยั่งยืน และเป็นเกาะสีเขียวให้ได้ เพื่อเป็นต้นแบบของเกาะ เพราะเกาะนี้มีพื้นที่อยู่ที่ 7.8 ตารางกิโลเมตรที่มีความสมบูรณ์มาก และมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
การพัฒนาก่อนหน้านี้และที่กำลังจะทำจะสำเร็จได้ด้วยความร่วมมือทุกภาคส่วนโดยเฉพาะคนในพื้นที่ ซึ่งสามารถได้ประโยชน์และต่อยอดร่วมกัน