จากลูกจ้างสาวโรงงาน สู่เจ้าของกิจการที่เป็นนายตัวเอง นิ่มอนงค์ แก้วไพศาล ผู้จัดตั้งบริษัท เพชรไพศาลค่ำคูณ จำกัด
จากจุดเริ่มต้นบ้านมีที่ดินทำการเกษตรนาข้าว แต่การขายข้าวเปลือกให้พ่อค้าคนกลางทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต จึงตัดสินใจหวนคืนสู่บ้านนา คิดหาวิธีเพิ่มรายได้จากการปลูกข้าว
เมื่อปี 2558 เกษตรกรผู้ปลูกข้าวบ้านห้วยไห 12 คน รวมกลุ่มจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรบ้านห้วยไห เพื่อปลูกข้าวอินทรีย์และแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าว เช่น ข้าวกล้อง ข้าวฮางงอก และข้าวฮางงอกบด ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
ต่อมาปี 2561 ได้ขยายกลุ่มโดยการตั้งกลุ่มแปลงใหญ่ขึ้นภายใต้ชื่อ “นาแปลงใหญ่บ้านห้วยไห” ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม มีสมาชิก 53 คน ปลูกข้าวอินทรีย์ทั้งหมด 939 ไร่
กระทั่งปี 2564 นางนิ่มอนงค์ตั้งบริษัท เพชรไพศาลค่ำคูณ จำกัด เพื่อรองรับและซื้อข้าวอินทรีย์จากสมาชิกกลุ่มมาแปรรูป และหาช่องทางการตลาดโดยการส่งออกข้าวไปต่างประเทศ รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรอื่นๆ
ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ในทุกอำเภอของ จ.นครพนม และ อ.กุสุมาลย์ อ.โพนนาแก้ว และ อ.โคกศรีสุพรรณ ของ จ.สกลนคร
กระทรวงพลังงาน โดย น.ส.มัณฑนา ฟูกุล พลังงานจังหวัดนครพนม พาสื่อมวลชนเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร บ้านห้วยไห
ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 739,658 บาท เมื่อปี 2565 จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำหรับติดตั้งระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 8 x 20.80 เมตร และใช้เตาชีวมวล เพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวที่ตากแห้ง
เนื่องจากการอบแห้งส่วนใหญ่จะใช้วิธีการตากแดดตามธรรมชาติในรูปแบบเดิมซึ่งใช้พื้นที่มาก แต่เกษตรกรมีพื้นที่จำกัดไม่เพียงพอ ผลิตภัณฑ์มีการปนเปื้อนจากแมลงรบกวน ฝุ่นละออง และเปียกฝน ทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน ผลิตสินค้าไม่ทันความต้องการของตลาด
แต่เมื่อชุมชนนำระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ทำให้สินค้าไม่อับชื้น ไม่มีมด/แมลง ไม่มีเชื้อรา มีกลิ่นหอม คุณภาพสินค้าคงที่มาตรฐาน สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น เนื่องจากระยะเวลาการตากลดลง จากเมื่อก่อนตากรอบละ 1 วันลดลงเหลือรอบละครึ่งวัน ทำให้ตากได้วันละ 2 รอบ
โดยการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวออร์แกนิก อาทิ ข้าวฮางงอกหอมมะลิ ฮางงอกไรซ์เบอร์รี่ ฮางงอกข้าวเหนียวดำ การทำข้าวฮางบด ข้าวกล้องหอมมะลิ กล้องไรซ์เบอร์รี่ ข้าวกล้องข้าวเหนียวดำ ข้าวบดผงหอมมะลิ ข้าวบดไรซ์เบอร์รี่ ข้าวเหนียวดำบดผง กล้วยตาก สับปะรดแช่อิ่มอบแห้ง จากเดิมที่ผลิตได้เพียงข้าวฮางงอก ข้าวกล้องงอก และข้าวหอมมะลิ เท่านั้น
นอกจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานจากบริษัท ไบโออะกริเสิร์ช (ไทยแลนด์) จำกัด ว่าเป็นออร์แกนิกอย่างแท้จริง
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ยังการันตีว่าผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำตาล เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันสูง ผู้ที่ครรภ์เป็นพิษ หรือผู้ป่วยที่ต้องกินอาหารทางสายยาง
ด้วยการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวที่หลากหลายขึ้น ข้าวที่ผลิตจากกลุ่มจะมีราคาสูงกว่าราคาข้าวในตลาด เช่น ข้าวหอมมะลิ ราคาต่างกันกิโลกรัม (ก.ก.) ละ 1 บาท ข้าวอื่นๆ ทั่วไปต่างกัน 3-4 บาท ข้าวเมล็ดสีรับซื้อก.ก.ละ 18 บาท
ทำให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 30% เพราะสมาชิกไม่ต้องขายข้าวเปลือกธรรมดา
ขณะเดียวกัน ยังมีการประกันราคาข้าวในแต่ละปีให้กับสมาชิก โดยเกรด A ราคาก.ก.ละ 18 บาท เกรด B ก.ก.ละ 17 บาท และเกรด C ก.ก.ละ 16 บาท
ทำให้สมาชิกมีรายได้จากการทำนาเพิ่มขึ้นเพราะได้รับการประกันราคาตายตัว ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากราคาข้าวขึ้น/ลง ถ้าราคาข้าวปรับสูงขึ้นทางกลุ่มจะปรับราคาขึ้นตาม
นอกจากนี้ ยังมีการแปรรูปข้าวเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น เครื่องดื่มผงข้าวระยะน้ำนมผสมผักเคล ข้าวกล้องงอกผงชงพร้อมดื่ม และเครื่องดื่มกล้วยน้ำว้าผงชงดื่ม ผงตะไคร้ผสมใบเตย ที่ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยกรรมวิธีที่สะอาดมีมาตรฐาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จัดส่งให้กับผู้ประกอบการส่งออกในหลายประเทศ ได้แก่ อังกฤษ ฮ่องกง จีน และรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ
แบ่งเป็นการส่งออกหลายผลิตภัณฑ์ เช่น จมูกข้าว 48 ตัน/ปี ราคาตันละ 150,000 บาท ข้าวสารขาว 300 ตัน/ปี ตันละ 500,000 บาท ข้าวเมล็ดสี 12 ตัน/ปี ตันละ 25,000 บาท ข้าวเปลือกส่งออก 250 ตัน/ปี ตันละ 20,000 บาท
ทั้งยังรับซื้อข้าวจากนาที่ไม่ใช่ออร์แกนิกด้วยเพื่อส่งขายให้กับผู้ประกอบการส่งออกข้าวหอมมะลิไทยประมาณ 1,500 ตัน/ปี
นับเป็นความสำเร็จอันภาคภูมิใจ และเป็นกำลังใจให้ชุมชนบ้านห้วยไหได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด