หลาก&หลาย - เมืองเวนิซสุดโรแมนติก มนต์เสน่ห์-เรือกอนโดล่า

อิตาลี อีกหนึ่งประเทศจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวและนักเดินทาง ทริปเยือนเวนิซ-มิลาน ช่วงต้นเดือนต.ค.ตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วง อากาศกำลังเย็นสบาย เหมาะกับการเที่ยวชมทัศนียภาพ ความงดงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมที่หลากหลาย

จุดชมวิวบริเวณชายฝั่งทะเลสาบหน้าพระราชวังดอจ

เป็น EXCLUSIVE PRESS TRIP VENICE-MILAN โดยการสนับสนุนของธนาคารออมสิน นำกว่า 60 ชีวิตไปเที่ยวแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่างวันที่ 8-15 ต.ค.ที่ผ่านมา

ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิโดยสายการบินเอมิเรตส์ ประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 9 ต.ค.ไปเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ ถึงท่าอากาศยานนานาชาติมาร์โค โปโล หรือท่าอากาศยานเวนิซช่วงบ่ายเศษๆ วันเดียวกัน โดยอิตาลีช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง

หอระฆังที่จัตุรัสซานมาร์โค

แน่นอนจุดหมายแรกคือ เวนิซ หรือเวเนเซีย เมืองมรดกโลก อยู่ในแคว้นเวเนโตของอิตาลี เป็นเกาะในทะเลเอเดรียติก เกิดจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ มากถึง 118 เกาะ เวนิซจึงเต็มไปด้วยคลองน้อยใหญ่ โดยมีสะพานเชื่อมมากกว่า 400 แห่ง และถือเป็นเมืองที่มีคลองมากที่สุดในโลก ด้วยจำนวนคลองที่มากกว่าถนน การเดินทางจึงอาศัยเรือเป็นหลัก

ออกจากสนามบินแล้วเดินไปที่ท่าเรือสนามบินเวนิซใกล้ๆ กัน เพื่อลงเรือ PRIVATE WATER TAXI หรือเรือแท็กซี่ ข้ามไปเกาะเวนิซ ระหว่างรอขึ้นเรือสัมผัสลมเย็นจนต้องหยิบเสื้อมาสวมทับสเวตเตอร์

วิวจากสะพานอัคคาเดเมีย ที่มองเห็นแกรนด์คาเนลในจุดที่สวยที่สุดได้ทั้ง 2 ฝั่งของสะพาน

เรือแท็กซี่ หรือแท็กซี่น้ำ เป็นตัวเลือกที่สะดวกและเร็วที่สุดสำหรับการเที่ยวเวนิซ แต่ราคาก็แพงกว่าการเดินทางด้วยรถหรือเรือโดยสารด้วยเช่นกัน คนขับไม่บังคับให้สวมชูชีพ แต่กำหนดว่านั่งได้ไม่เกิน 8 คน โชเฟอร์ขับเร็วพอสมควร ใช้เวลาสัมผัสบรรยากาศรอบๆ ทะเลสาบแค่ 30 นาทีก็ถึงที่หมาย

ก่อนเรือเข้าเทียบท่า มองจากบนเรือเข้าไปยังเกาะเวนิซแม้มีเม็ดฝนโปรยปราย ฟ้าไม่เปิดเท่าไร แต่ภาพตรงหน้าก็สัมผัสได้ทันที เวนิซงดงามและดูโรแมนติกอย่างที่ร่ำลือ

สะพานไม้อัคคาเดเมีย 1 ใน 4 สะพานใหญ่ที่ทอดเชื่อมคลองใหญ่ในเวนิซ

ขึ้นฝั่งแล้วคณะใช้เวลาชมทัศนียภาพและเก็บบรรยากาศแลนด์มาร์กของเมืองเวนิซ ไปพร้อมๆ กับฟังข้อมูลทางประวัติศาสตร์และเกร็ดความรู้ของเมืองนี้จากไกด์ ชาลี เบญจพรพงศ์

ไกด์ชาลี เบญจพรพงศ์

ที่เที่ยวไฮไลต์ของเวนิซมีหลายแห่ง แม้ปัจจุบันสถานที่เหล่านี้จะเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นผ่านโลกโซเชี่ยล แต่ใครที่ได้ไปเยือนเวนิซไม่ควรพลาดต้องสัมผัสด้วยตากับสถานที่จริง ที่งดงามราวมีมนต์ขลัง

มหาวิหารซานมาร์โค

เริ่มจากจัตุรัสซานมาร์โค (San Marco Square) ศูนย์กลางของเมืองเวนิซ เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของเวนิซ ล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สำคัญ โดยมีหอระฆังซานมาร์โค (San Marco Campanile) ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น บางคนอาจชอบบรรยากาศตอนกลางคืนที่สถาปัตยกรรมล้อไปกับแสงไฟ แต่แสงยามเช้าที่ตกกระทบก็ดูละมุนตา

ส่วนใครที่ชื่นชอบกับทัศนียภาพมุมสูงสามารถขึ้นไปชมความงามของเมืองเวนิซจากหอชมเมืองด้านบนของหอระฆังได้ เดิมหอระฆังนี้เคยเป็นประภาคาร ก่อนปรับมาเป็นหอระฆัง และได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมภายหลังหอระฆังถล่มลงมา

รอบจัตุรัสซานมาร์โครายล้อมไปด้วยศูนย์นิทรรศการโอลิเวตตี หอนาฬิกาเซนต์มาร์ก พิพิธภัณฑ์โบราณคดี พิพิธภัณฑ์ศิลปะ ร้านค้า และคาเฟ่กลางแจ้ง Cafe’ Florian ร้านเก่าแก่ชื่อดังของเวนิซ

รวมถึงมหาวิหารซานมาร์โค (San Marco Cathedral) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่ง เป็นมหาวิหารประจำเมืองเวนิซ ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของจัตุรัสเซนต์มาร์ก สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานร่างของนักบุญซานมาร์โค หรือ นักบุญมาร์ก อัครสาวกของพระเยซูคริสต์ที่ทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนา

เสาหินแกรนิตเซนต์มาร์ก-เซนต์ธีโอดอร์

มหาวิหารแห่งนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานที่วิจิตรลงตัว โดดเด่นด้วยเสาหินและซุ้มทรงโค้ง จั่วด้านบนมีรูปปั้นนักบุญมาร์ก และสิงโตทองมีปีก สัญลักษณ์ของเมืองเวนิซ ด้านบนของประตูแต่ละบานจะมีภาพเขียนสีบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ ในส่วนที่เป็นสีทองนั้นทำมาจากทองแท้

ทั้งยังมีส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ใช้เก็บรักษาและจัดแสดงศิลปะทางประวัติศาสตร์ต่างๆ รวมทั้งโบราณวัตถุ

พระราชวังดอจตั้งตระหง่านเมื่อมองจากอ่าวเวนิเชียน

ติดกับมหาวิหารเป็นพระราชวังดอจ (Doge’s Palace) หรือ ปาลาซโซ ดูคาเล (Palazzo Ducale) ซึ่งเป็นส่วนปีกของพระราชวัง ส่วนด้านหน้าของพระราชวังจะติดกับชายฝั่งทะเลสาบ พระราชวังแห่งนี้ในอดีตใช้เป็นที่ประทับของผู้ปกครองเมืองเวนิซ และที่ทำงานส่วนราชการต่างๆ

เมื่อมาชมพระราชวังต้องสะดุดตากับเสาหินขนาดใหญ่ 2 ต้น ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงนักบุญมาร์ก และนักบุญธีโอดอร์ บ้างว่าลานกว้างระหว่างเสา 2 ต้นนี้ในอดีตเป็นลานประหารนักโทษ ช่วงกลางคืนจึงไม่นิยมเดินผ่านระหว่างเสาหิน 2 ต้นนี้

หอนาฬิกาเซนต์มาร์ก

แต่สำหรับนักท่องเที่ยว จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงามราวภาพวาดเลยทีเดียว เลยจากเสาหินทั้ง 2 ต้น บริเวณด้านหน้าพระราชวังเป็นพื้นที่ริมชายฝั่ง มองไปที่ทะเลสาบจะมีเรือกอนโดล่าจอดเรียงเป็นทิวแถว โดยมีแบ๊กกราวด์เป็นโบสถ์ซานจิออร์จิโอแม็กจิออเร่โดดเด่นอยู่ฝั่งตรงกันข้าม

อากาศที่เย็นสบาย และบรรยากาศแบบพาโนรามาที่สวยงาม ตกเย็นที่นี่จึงคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวและกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ออกมาเดินเล่นดื่มด่ำบรรยากาศ

เดินเลียบชายฝั่งไปทางด้านหน้าพระราชวังจะเห็นสะพานบริดจ์ออฟไซส์ (Bridge of Sights) ที่เชื่อมระหว่างพระราชวังกับคุกที่อยู่อีกฟากของฝั่งคลอง เป็นสะพานหินโค้งเก่าแก่ ปิดทึบรอบด้าน ต่างจากสะพานอื่นๆ ที่เห็นโดยทั่วไป

หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดนักโทษจะถูกนำตัวไปที่คุก โดยต้องเดินผ่านสะพานนี้ซึ่งสามารถมองเห็นโลกภายนอกครั้งสุดท้ายได้จากช่องหน้าต่างเล็กๆ บนสะพาน ทำให้เหล่านักโทษต่างถอนหายใจ จึงกลายมาเป็นชื่อเรียก “สะพานถอนหายใจ” ปัจจุบันสะพานและคุกเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์

ท่าเรือกอนโดล่าติดกับโรงแรมที่พัก

ชื่นชมความงาม รับฟังเกร็ดประวัติ เรื่องเล่า จนลืมความเมื่อยทั้งที่เดินเยอะจริงๆ มารู้ตัวอีกทีเมื่อได้เวลามื้อค่ำก่อนแยกย้ายกันเข้าโรงแรมที่พัก ด้วยข้อจำกัดเรื่องพื้นที่โรงแรมที่เวนิซส่วนใหญ่จึงมีขนาดกะทัดรัด จำนวนห้องไม่มาก ขนาดของห้องพักไม่ใหญ่แต่ไม่ถึงกับอึดอัด

ส่วนตัวพักที่ Albergo Cavalletto and Doge Orseolo Venice โรงแรมเก่าแก่ที่ตั้งอยู่หลังจัตุรัสซานมาร์โค ติดกับท่าเรือกอนโดล่า ได้บรรยากาศสไตล์เวนิซคลาสสิคจนต้องตื่นเช้ามาเก็บภาพรอบๆ โรงแรม

คณะทัวร์ถ่ายรูปหน้ามหาวิหารซานมาร์โค

วันรุ่งขึ้นมีเวลาเก็บตกความงามรอบเมืองเวนิซ ไปที่สะพานริอัลโต (Ponte di Rialto) สะพานเก่าแก่อายุหลายร้อยปี จุดเช็กอินชมวิวคลองแกรนด์คาแนล กลางสะพานมีซุ้มประตูโค้งเป็นเอกลักษณ์

จากนั้นได้เวลาล่องเรือกอนโดล่า (Gondola) มนต์เสน่ห์และสัญลักษณ์สำคัญของเมืองเวนิซที่ไปถึงเวนิซไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ซึ่งที่เวนิซมีท่าเรือกอนโดล่าอยู่หลายแห่งแล้วแต่สะดวก เรือลำหนึ่งนั่งได้ 4 คน เบาะนั่งตกแต่งสวยงามแตกต่างกันไปแต่ละลำ

สะพานถอนหายใจ

เรือเคลื่อนจากตรอกเล็กๆ ผ่านบ้านเรือน โรงแรม ร้านรวงริมคลอง ก่อนที่คนแจวจะนำออกสู่แกรนด์คาแนล คลองที่กว้างที่สุดของเกาะ เป็นการสัมผัสความงามของเมืองเวนิซในมุมที่ต่างออกไปจากการเดินชมเมืองก่อนหน้านี้

แม้ใช้เวลาเพลิดเพลินช่วงสั้นๆ บนเรือประมาณ 30 นาที แต่ต้องบอกว่าการล่องเรือกอนโดล่าเป็นประสบการณ์ที่โรแมนติกมาก เหมาะที่คู่รักจะชวนกันมาเติมความหวาน

สะพานริอัลโต

ขึ้นจากเรือกอนโดล่ามีเวลาช็อปปิ้งตามอัธยาศัย มีช็อปแบรนด์เนมมากมายหลายแบรนด์ รวมถึงสินค้าพื้นเมืองอย่างแก้วมูราโน่ที่นำมาผลิตเป็นสินค้าหลากหลายทั้งแก้ว ขวด ของตกแต่งบ้าน เครื่องประดับ และยังมีร้านของที่ระลึกอื่นๆ ให้ซื้อติดมือเป็นของฝาก

พักที่เดิมอีกคืน วันรุ่งขึ้นไปเที่ยวต่อที่เมืองเวโรน่า ไปบ้านจูเลียต เที่ยวเมืองซีร์มิโอเน่ ก่อนไปมิลาน มีเรื่องเล่าและความประทับใจมาฝากเช่นกันต้องติดตาม

วไลพร กลิ่นโสม