พิธีอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ทอดถวาย ณ วัดพุทธไทยเชตวัน ประจำปี 2567 จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเชื่อมสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียอย่างต่อเนื่อง

พิธีถวายพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพุทธไทยเชตวัน
นายไพศาล หรูพาณิชย์กิจ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปทอดถวาย ณ วัดพุทธไทยเชตวัน กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน โดยมีพระโสภณจริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพุทธไทยเชตวัน เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ภายในพิธี มีนางสาวลดา ภู่มาศ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ นายปาณิดล ปัจฉิมสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนภาคเอกชนและชุมชนไทยในมาเลเซีย รวมทั้งแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง
ในพิธีอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ทอดถวาย ณ วัดพุทธไทยเชตวัน ประจำปี 2567 ครั้งนี้มียอดเงินบริจาค ซึ่งประกอบด้วยเงินบำรุงพระอารามพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และผู้มีจิตศรัทธาทั้งคนไทยในมาเลเซีย รวมถึงชาวมาเลเซีย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,044,301.20 บาท

พิธีถวายพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพุทธไทยเชตวัน
บรรยากาศภายในงานพิธีเต็มไปด้วยความคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้าที่มีการจัดตั้งโรงทาน ประชาชนชาวไทยในมาเลเซีย และชาวมาเลเซียในท้องถิ่น รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศกว่า 2,000 คนเข้าร่วมกันอย่างเนืองแน่น โดยปีนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศเผยว่า มีจำนวนผู้เข้าร่วมมากกว่าปีก่อนๆ
พิธีกฐินพระราชทานที่จัดขึ้นในประเทศมาเลเซียครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่ 12 โดยครั้งแรกจัดขึ้นในปี 2551 และจัดขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
วัตถุประสงค์ในโครงการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพระพุทธศาสนาในต่างประเทศนั้น ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับประชาชนสู่ประชาชน ตลอดจนเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยที่ทรงอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาตลอดจนความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมที่ร่วมกันในหมู่ประชาชนชาวไทยและชาวท้องถิ่นเช่นกัน

พิธีถวายพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพุทธไทยเชตวัน
ย้อนกลับไป วัดพุทธไทยเชตวันก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2499 โดยรัฐบาลรัฐสลังงอร์อุทิศที่ดินขนาด 2 เอเคอร์ถวาย และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 11,000 บาท เป็นทุนตั้งต้นในการก่อสร้างวัด โดยเป็นวัดไทยในพระพุทธศาสนานิกายมหาเถรวาท มีพระจำพรรษาประมาณ 10 กว่ารูป
ในปีต่อมาพระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มาทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าพระอุโบสถ โดยได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระปรมาภิไธย “ภ.ป.ร.” ให้จารึกประดิษฐานไว้ที่บนช่อฟ้าของพระอุโบสถ พร้อมได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นค่าหล่อพระประธานในพระอุโบสถ และได้พระราชทานนามว่า “พระพุทธธรรมมินทร์”

พิธีถวายพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพุทธไทยเชตวัน
พระโสภณจริยาภรณ์ เจ้าอาวาสให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันในวัดแห่งนี้มีโรงเรียนสอนภาษาและวัฒนธรรมไทย ซึ่งจะเปิดสอนทุกวันอาทิตย์โดยมีนักเรียนราว 100 คน หากใครสนใจศึกษาสามารถเข้าเรียนได้ทุกวัย อีกทั้งทุกวันอาทิตย์ยังมีการสวดมนต์ไหว้พระ โดยมีผู้คนส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน คนไทยเป็นส่วนน้อย รวมถึงทางวัดมีกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันสำคัญทางศาสนา สืบสานประเพณีไทย อาทิ วันสงกรานต์ วันลอยกระทง วัดทอดกฐิน เป็นต้น
นางสาวลดา ภู่มาศ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียเชื่อมโยงกับการจัดพิธีอัญเชิญกฐินพระราชทานครั้งนี้ว่า ปีนี้เป็นปีที่ 67 ของความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย โดยมีลักษณะที่เป็นพิเศษตั้งแต่ก่อนที่จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์แนบแน่น และมีพลวัตสูงจากการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ

พิธีถวายพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพุทธไทยเชตวัน
สังคมไทย-มาเลเซีย มีความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม หมายความว่า เป็นสังคมที่มีความโอบเอื้อ ความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรมต่อกัน มาเลเซียแม้ว่าจะเป็นประเทศมุสลิมก็มีวัดไทยในประเทศจำนวนไม่น้อย ประมาณ 100 วัด อีกทั้งยังมีคนไทยและชาวไทยสยามที่รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยไว้ ส่วนใหญ่อยู่ทางรัฐตอนเหนือของประเทศ
นอกจากนี้ทางรัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาเลเซีย มีจุดประสงค์ให้มีความเชื่อมโยงไทยโดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กับทางตอนเหนือของมาเลเซียผ่านโครงการความร่วมมือต่างๆ การสร้างถนนเชื่อมด่านเข้าออกระหว่างกัน

พิธีถวายพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพุทธไทยเชตวัน
งานพิธีอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ ได้สำเร็จลุล่วงอย่างสมพระเกียรติด้วยแรงใจของข้าราชการ และประชาชนทั้งคนไทยและคนมาเลเซีย เป็นสิ่งที่น่าชื่นใจ ทางเอกอัครราชทูตพร้อมที่จะสืบสาน สานต่อและต่อยอดทำนุบำรุงศาสนา ในขณะเดียวกันการทอดผ้าพระกฐินแสดงให้เห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์มีส่วนสำคัญ วัดเป็นบทบาทหลักส่วนหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียให้ยั่งยืนมากขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินโครงการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพุทธศาสนาในต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2538 และจัดต่อเนื่องมาจนถึงปี 2567 โดยปีนี้ได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลเป็นโครงการร่วมเฉลิมพระเกียรติฯ จัดพิธีใน 9 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน สปป.ลาว เมียนมา อินเดีย กัมพูชา เวียดนาม ศรีลังกา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย